(ประกาศล่าสุดปี 2022) นอกจากจะพบว่ามันเป็นจระเข้น้ำจืดสปีชีส์ใหม่แล้ว หลังจากวิจัยอย่างละเอียดโดยใช้เวลากว่า 12 ปี (ซึ่งใช้เวลาส่วนมากไปกับการตรวจสอบอย่างปราณีต-เพราะฟอสซิลเปราะบางมาก) จนทำให้พบว่า ฟอสซิลนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 95 ล้านปี แถมภายในท้องของมัน ยังมีเศษซากของเหยื่อ ซึ่งเป็นโคนขาทั้ง 2 ข้างของไดโนเสาร์กินพืชออร์นิโธพอดเด็กหนัก 1.7 กิโลกรัมอีกด้วย
ทั้งกระโหลกศรีษะ พร้อมฟัน รวมถึงโครงกระดูกหลังของมัน อยู่ครบจนน่าทึ่งซึ่งสถานที่-ที่พบคือ ศูนย์วิจัยแกะ ตั้งอยู่ ณ รัฐควีนส์แลนด์ (Queensland) ประเทศออสเตรเลีย โดยสปีชีส์นี้ได้รับการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Confractosuchus sauroktonos พร้อมฉายา “The Broken Dinosaur Killer” (นักฆ่าไดโนเสาร์ที่แตกสลาย) โดยขณะที่มันมีชีวิตอยู่ น่าจะมีขนาดลำตัวยาวถึง 2.5 เมตรเลยทีเดียว
ซึ่งการขุดค้นนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2010 เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยพบฟอสซิลของจระเข้ ณ สถานที่แห่งนี้แล้วเช่นกัน ซึ่งในตอนที่ขุดพบเจ้าจระเข้ตัวนี้นั้น แม้ว่ากระดูกหางและขาหลังจะสูญหาย แต่โครงกระดูกของส่วนอื่น ๆ ยังอยู่ครบชวนน่าทึ่ง ทั้งกระโหลกศรีษะ พร้อมฟัน รวมถึงโครงกระดูกหลังของมันด้วย (สมบูรณ์ 35% เมื่อเทียบกับทั้งร่างครับ)
พื้นที่ขุดค้น (เครดิตภาพ Dr.Matt White/Australian Age of Dinosaurs)และหากถามว่า ทำไมถึงยังเหลือร่างของเหยื่อภายในกระเพาะของมันได้ล่ะ ? ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ 2 คำตอบ 1. มันเสียชีวิตจากการบาดเจ็บขณะล่าเหยื่อ 2. มันเสียชีวิตจากการถูกล่า และถูกปลิดชีพอย่างรวดเร็ว (เพราะอย่างที่ทราบดีว่าจระเข้น้ำจืดนั้นอึดมาก การไม่ปลิดชีพทันที จะทำให้พวกมันมีชีวิตต่อไปได้อีกหลายสัปดาห์)
“เลือดจระเข้” มีคอลลาเจนสูงมาก สูงกว่าที่มีอยู่ในเลือดมนุษย์และสัตว์อื่นหลายชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ แถมยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ภายในเลือดของมันเองด้วย
fact – นอกจากจระเข้โบราณตัวนี้แล้ว เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่โหดไม่แพ้กัน นั่นคือ “Boar Croc” เคยอาศัยอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์ในช่วงปลายยุคครีเทเชียส พวกมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มของจระเข้ที่กินไดโนเสาร์เป็นอาหาร เนื่องจากความเจ๋งของร่างกายที่ทั้ง “ไว – แข็งแกร่ง – และดุดัน” นั่นเอง
โดย Boar Croc แปลตรงตัวว่า “จระเข้หมูป่า” เป็นจระเข้ขนาดใหญ่ที่ยาวประมาณ 6 เมตร หนักประมาณ 900 กก. แต่สามารถวิ่งล่าเหยื่อได้เร็วพอ ๆ กับ “ยูเซน โบลต์” โดยมันวิ่งได้เร็วกว่า 40 กม./ชม. (พอ ๆ กับ ยูเซน โบลต์ ที่ทำสถิติวิ่งเร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 45 กม./ชม.) แถมยังล่าเหยื่อได้ทั้งบนบกและในน้ำได้อีกด้วย
