Sci

A strange occurrence where people can hear other people talking – even 5 kilometers apart (how did it happen?)

the story People who were at the airport could clearly hear dogs barking in town and townspeople talking as if they were close by instead of being five kilometers [three miles] away. Yukon, northwest Canada, saw a cold period from January 17 to February 5, 1947, with the lowest temperature of -64°C (-84°F) on February […]

A strange occurrence where people can hear other people talking – even 5 kilometers apart (how did it happen?) Read More »

what happened? Researchers find mysterious beams of light over Hawaii, just like in the movie the matrix.

the story A green laser was observed piercing the night sky of Hawaii on January 28th as it gently followed a course toward the horizon. A telescope recorded the picture, which seemed to be a malfunction in the Matrix coding, and published it on social media. While the truth may still exist, it was not

what happened? Researchers find mysterious beams of light over Hawaii, just like in the movie the matrix. Read More »

Known for the phenomenon of “blood rain” where entire cities are bathed in red.

The Story It’s tough to be enthused about hot weather without feeling like a small character in Don’t Look Up who isn’t paying attention to the coming asteroid. It’s much more difficult when a heatwave is followed by something as ominous as “blood rain.” Well, good news for the UK, because both are about to

Known for the phenomenon of “blood rain” where entire cities are bathed in red. Read More »

what happened? Suddenly, the skies above South Dakota turned green. A rare phenomenon that is like being in a magical world.

In the middle of 2022, over Sioux Falls, South Dakota, America. Suddenly, the sky turned green as if it had been hit by a magic laser. What is happening is a rare natural phenomenon caused by the refraction of light hitting the ice. (or hail) accumulated in the clouds It appears green, explains Scientific American

what happened? Suddenly, the skies above South Dakota turned green. A rare phenomenon that is like being in a magical world. Read More »

“Sexsomnia มีอยู่จริง” โรคที่ผู้ป่วยละเมอมีเซ็กส์ (หรือช่วยตัวเอง) ในระหว่างหลับแบบไม่รู้ตัว

รู้หรือไม่ว่า “Sexsomnia” มีอยู่จริง ! เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับที่ผู้ป่วยมักแสดงพฤติกรรมทางเพศขึ้นมาระหว่างนอนหลับแบบไม่รู้ตัว ทั้งการช่วยตัวเอง ร้องคราง ถึงจุดสุดยอด หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอน “Sexsomnia” บางครั้งถูกเรียกว่า “Sleep Sex” จัดอยู่ในประเภท Parasomnia ที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการนอนหลับ ซึ่งอยู่เดียวกับอาการละเมอเดิน หรือละเมอพูดออกมา จากการศึกษาในปี 2018 พบว่ามีประชากรในวัยผู้ใหญ่ประมาณ 7.1% ที่ป่วยเป็นโรค Sexsomnia โดยจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง Sexsomnia เกิดขึ้นได้ยังไง ? จากรายงานการศึกษาในปี 2010 ในวารสาร Clinical Neurology and Neurosurgery ที่เขียนโดย “ดร.เร็กซ์ฟอร์ด มูซา” ระบุว่า Sexsomnia จะเกิดขึ้นในช่วงหลับลึก (deep sleep) พฤติกรรมดังกล่าวจะปรากฏออกมาเมื่อสมองถูกกระตุ้น เมื่อปี 2016 มีการศึกษาโดยการตรวจคลื่นสมอง (EEG) ของผู้ป่วย Sexsomnia พบว่า เมื่อมีอาการ sexsomnia สมองในส่วน motor

“Sexsomnia มีอยู่จริง” โรคที่ผู้ป่วยละเมอมีเซ็กส์ (หรือช่วยตัวเอง) ในระหว่างหลับแบบไม่รู้ตัว Read More »

NASA ทดสอบยิงกระสวย ด้วยเครื่องยิงหนังสติก (ไม่ใช้เชื้อเพลิง) มีโอกาสไปถึงอวกาศจริงด้วยนะ

“SpinLaunch” บริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐ ร่วมมือกับ NASA และองค์กรส่งออกดาวเทียมอื่น ๆ ทดสอบทฤษฎีความเป็นไปได้ในการยิงวัตถุขึ้นไปบนอวกาศด้วยหนังสติก เพื่อลดการใช้พลังงานและสารเคมีมหาศาล ซึ่งดูเหมือนจะประสบความสำเร็จซะด้วย โดยเครื่องยิงกระสวยนี้มีชื่อเรียกว่า “Suborbital Accelerator” มันจะทำการหมุนและเหวี่ยงวัตถุที่อยู่ภายใน ด้วยความเร็วประมาณ 8,046 กม./ชม. (เร็วกว่าความเร็วเสียง 7 เท่า) และปล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าในท่อแนวตั้งสูง 12 เมตร ซึ่งเจ้าเครื่องนี้ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2015 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา SpinLaunce ประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงวัตถุของ Spaceport America (บริษัทจัดส่งดาวเทียม) ในทะเลทราย รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศอเมริกา ผลคือสามารถยิงวัตถุขึ้นไปยังท้องฟ้าได้สำเร็จ แต่ถึงแม้จะยังไม่ถึงขึ้นโยนออกไปโคจรรอบโลกได้ก็จริง แต่นี่ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่อาจปฏิวัติวงการส่งออกดาวเทียมก็เป็นได้ สำหรับจุดประสงค์ของการทดสอบนี้ คือการทดสอบว่าวัตถุที่ต้องการส่งออกไปนอกโลกนั้นจะสามารถทนทานต่อแรง g ที่เกิดจากความเร็วในการหมุนและแรงเหวี่ยงอันมหาศาลจากเครื่อง Suborbital Accelerator ที่อาจมากถึง 10,000 g ได้หรือไม่ (แรง g คือความเร่งจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุ ยิ่งมีความเร่งมาก แรง g ที่กระทำต่อวัตถุก็ยิ่งมาก ซึ่งถ้าวัตถุรับแรง g

NASA ทดสอบยิงกระสวย ด้วยเครื่องยิงหนังสติก (ไม่ใช้เชื้อเพลิง) มีโอกาสไปถึงอวกาศจริงด้วยนะ Read More »

นาซาทวงคืน ซากแมลงสาบที่กินฝุ่นดวงจันทร์-จากภารกิจ Apollo 11 เข้าไป (เมื่อ 53 ปีก่อน)

เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2022) นาซาได้ติดต่อไปยัง RR Auction บริษัทจัดการประมูลในเมืองบอสตัน ประเทศอเมริกา เพื่อขอให้หยุดการประมูล “แมลงสาบที่กินตัวอย่างฝุ่นดวงจันทร์” ที่ “นีล อาร์มสตรอง และ บัสส์ อัลดรีน” เก็บมาจากดวงจันทร์ในภารกิจ Apollo 11 เมื่อปี ค.ศ.1969 ย้อนกลับไปเมื่อ 53 ปีก่อนหลังจากที่ยาน Apollo 11 กลับมายังโลก นาซาได้ส่งตัวอย่าง “ฝุ่นดวงจันทร์” (Moon dust) บางส่วนไปยังศูนย์วิจัย Lunar Receiving Laboratory ของมหาวิทยาลัยมินนิโซตา (UM) เพื่อทำการทดลองให้แมลงสาบกินฝุ่นดวงจันทร์เพื่อตรวจสอบว่าฝุ่นจากดวงจันทร์มีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกหรือไม่ “มาริออน บรู๊คส์” นักกีฏวิทยาผู้ดูแลการทดลองดังกล่าว ได้ทำการตรวจสอบหลายอย่าง เช่น ฉีดฝุ่นดวงจันทร์เข้าไปยังแมลงสาบโดยตรง บางตัวก็ผสมฝุ่นดวงจันทร์กับอาหารและน้ำ บ้างก็ให้แมลงสาบเดินคลุกฝุ่นดวงจันทร์  โดยการทดลองนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงวารสาร Minnesota Science เมื่อปี 1970 ซึ่งผลการทดลองคือไม่มีแมลงสาบตัวไหนได้รับอันตรายจากฝุ่นดวงจันทร์ ทว่าหลังจากการทดลองเสร็จสิ้นแทนที่ บรู๊คส์จะส่งตัวอย่างการทดลองที่เสร็จสิ้นแล้วกลับไปยังนาซา เธอกลับเก็บมันไว้เสียเองและส่งต่อไปยังลูกสาว ซึ่งหลังจากที่บรู๊คส์เสียชีวิตลงเมื่อปี

นาซาทวงคืน ซากแมลงสาบที่กินฝุ่นดวงจันทร์-จากภารกิจ Apollo 11 เข้าไป (เมื่อ 53 ปีก่อน) Read More »

(ทำได้จริง) นี่คือ “สาหร่าย-ที่สร้างพลังงานไฟฟ้า” ให้คอมจิ๋ว 6 เดือน (โดยไม่เสียบปลั๊ก)

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ค้นพบแหล่งพลังงานใหม่ที่ได้จากสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วอย่าง “ไซยาโนแบคทีเรีย” (cyanobacteria) หรือที่เรียกกันว่า “สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน” ซึ่งทดลองแล้วว่ามันสามารถให้พลังงานแก่คอมพิวเตอร์จิ๋วใช้งานได้นานถึง 6 เดือน เชื่อว่านี่จะเป็นแหล่งพลังงานที่มีชีวิตรูปแบบใหม่ในอนาคต การค้นพบนี้เกิดขึ้นระหว่างการล็อคดาวน์โควิด-19 เมื่อปี 2021 โดย “คริสโตเฟอร์ ฮาว” นักวิจัยผู้คิดค้นแหล่งพลังงานดังกล่าวได้สร้างภาชนะกล่องโปร่งแสงทำจากพลาสติกและอะลูมิเนียม ขนาดเท่าถ่านแบตเตอรี่ขนาด AA และบรรจุสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินชนิด Synechocystis sp. PCC 6803 เอาไว้ภายใน และตั้งแบตเตอรี่สาหร่ายนี้ไว้ที่ขอบหน้าต่างเพื่อให้เกิดการสังเคราะห์แสง (photosynthesis) ว่าแต่..แค่การสังเคราะห์แสงมันให้พลังงานไฟฟ้าได้ยังไง ? ตอบ : มี 2 ทฤษฎีที่น่าจะมีความเป็นไปได้คือ 1. สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินผลิตอิเล็กตรอนขึ้นมาได้เองจากการสังเคราะห์แสง หรือ 2.เป็นเพราะภาชนะอะลูกมิเนียมที่ถูกบรรจุไว้มีขั้วบวก-ลบ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีและผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นมา การค้นพบนี้นับว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นในวงการวิทยาศาสตร์ จนได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Energy & Environmental Science ซึ่งพวกเขาทดลองโดยการให้มันขับเคลื่อนโปรเซสเซอร์ Arm Cortex M0+ ซึ่งเป็นไมโครโปรเซสเซอร์ใช้คำนวณผลรวมทางคณิตศาสตร์ โดยวนเป็นรอบละ 45 นาที สแตนด์บายรอ 15 นาที และวนมาคำนวณใหม่ ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าพลังงานที่ได้คงหายไปใน 2-3 สัปดาห์

(ทำได้จริง) นี่คือ “สาหร่าย-ที่สร้างพลังงานไฟฟ้า” ให้คอมจิ๋ว 6 เดือน (โดยไม่เสียบปลั๊ก) Read More »

พบฟอสซิล สัตว์ดึกบรรพ์สายพันธุ์ใหม่ (อายุ 86 ล้านปี) ขนานนามกันว่า “มังกรมรณะ”

นักวิทยาศาสตร์พบฟอสซิล อายุ 86 ล้านปี ของสัตว์เลื้อยคลานบินได้ หรือ เทอโรซอร์ (Pterosaur) สายพันธุ์ใหม่ มีขนาดใหญ่ยาว 9 เมตร ในเทือกเขาแอนดีส จังหวัดเมนโดซาทางตะวันตกของอาร์เจนตินา มันเป็นสัตว์นักล่าที่ได้รับการขนานนามว่า “มังกรมรณะ” (Dragon of Death) ย้อนกลับไปในยุคไทรแอสซิคและยุคครีเทเชียส เทอโรซอร์ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อ 215 ล้านปีก่อน เป็นสัตว์ที่ปกครองท้องฟ้าทั่วโลกมายาวนานนับร้อยล้านปี เนื่องจากพวกมันไม่มีคู่แข่งหรือศัตรูเลย จึงสามารถวิวัฒนาการแตกสายพันธุ์ออกมามากมายหลายขนาด โดยสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดยาวถึง 12 เมตร ซึ่งเมื่อสยายปีกจะมีความกว้างกว่าเครื่องบินรบ f-16 เสียอีก นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ Cuyo ประเทศอาร์เจนติน่า พบกระดูกฟอสซิลประมาณ 40 ชิ้น เมื่อนำมาประกอบกันแล้วจึงทราบว่ามันคือฟอสซิลของเทอโรซอร์ ซึ่งเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดแรก ๆ บนโลกที่สามารถบินได้และล่าเหยื่อจากบนฟ้า ตามรายงานของ National Geographic (การค้นพบนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Cretaceous Research) จากการวิเคราะห์เป็นไปได้ว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปพร้อม ๆ กับไดโนเสาร์ในตอนที่เกิดเหตุดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก ณ คาบสมุทรยูคาทาน ประเทศเม็กซิโก ที่กำจัดสิ่งมีชีวิต

พบฟอสซิล สัตว์ดึกบรรพ์สายพันธุ์ใหม่ (อายุ 86 ล้านปี) ขนานนามกันว่า “มังกรมรณะ” Read More »

Scroll to Top