World

ขณะนี้หมียักษ์ “เจ้าแฮงค์รถถัง” (Hank The Tank) ยังบุกบ้านคนต่อเนื่อง หาอาหารแล้วกว่า 30 หลัง

เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่หัวขโมย “Hank the Tank” (เจ้าแฮงค์รถถัง) หมีดำไซส์บิ๊กหนัก 226 กิโลกรัม ได้บุกทลายบ้านเรือนมาแล้วกว่า 30 หลังในย่าน Lake Tahoe รัฐแคลิฟอร์เนีย และดูเหมือนว่ามันจะไม่ต้องจำศีลในฤดูหนาวด้วยซ้ำเพราะมีอาหารให้กินเหลือเฟือ เจ้าแฮงค์รถถังมีขนาดใหญ่กว่าหมีดำทั่วไปที่หนักประมาณ 130 กิโลกรัมเท่านั้น โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้มันมีขนาดใหญ่แบบนี้เป็นเพราะอาหารของมนุษย์มีแคลอรี่สูง เช่น พิซซ่า เบอเกอร์ ไอศกรีม น้ำอัดลม น้ำหวาน ซึ่งเมื่อเทียบกับอาหารตามธรรมชาติที่หมีทั่วไปกินจำพวกแมลง ผลไม้ น้ำผึ้ง หรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ “ปีเตอร์ ทีรา” โฆษกกรมประมงและสัตว์ป่าแห่งแคลิฟอร์เนีย กล่าวกับ BBC ว่า “แฮงค์เรียนรู้ที่จะใช้ขนาดและพลกำลังของตัวเองในการบุกทลายโรงจอดรถ ประตูบ้าน หน้าต่าง เพื่อบุกเข้าไปหาอาหารในห้องครัว ในยามที่ไม่มีคนอยู่บ้าน” ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนกว่า 150 ครั้งว่า มีโจรบุกรุกแต่เมื่อตรวจจากกล้องวงจรปิด ร้อยทั้งร้อยจะพบว่าเป็นฝีมือของหมีดำทั้งสิ้น แต่ทว่าเมื่อตรวจดีเอ็นเอจากร่องรอยและขนหมีแล้ว ปรากฏว่ามีหมีดำอย่างน้อย 3 ตัว เชื่อว่ามีเจ้าแฮงค์เป็นหัวโจก เป็นไปได้ว่าพวกมันเริ่มเข้ามาในเมืองเมื่อช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปี 2021 เป็นช่วงเวลาที่ต้องสะสมอาหารเตรียมพร้อมสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง แต่ดูเหมือนพวกมันจะค้นพบว่าที่นี่ (เมือง) มีอาหารเหลือเฟือแบบไม่ต้องจำศีล […]

ขณะนี้หมียักษ์ “เจ้าแฮงค์รถถัง” (Hank The Tank) ยังบุกบ้านคนต่อเนื่อง หาอาหารแล้วกว่า 30 หลัง Read More »

“The Lost Tape” (เทปวิดีโอ) ที่เผยเรื่องโคตรพีคของ “เชอร์โนบิล” จนถูกซ่อนไว้นานกว่า 36 ปี

สารคดีชุดใหม่ของ HBO เรื่อง “Chernobyl : The Lost Tapes” ได้รวบรวมเทปบันทึกภาพและวิดีโอ รวมถึงบทสัมภาษณ์ของผู้คนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในเชอร์โนบิล ซึ่งไม่เคยเปิดเผยมาก่อน มันถูกเก็บซ่อนมันไว้นานหลายทศวรรษนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ภัยพิบัติเชอร์โนบิลเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ปีค.ศ.1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลใกล้เมือง Pripyat ในยูเครน ซึ่งเกิดขึ้นจากการความประมาทของผู้ปฏิบัติงานและข้อบกพร่องพื้นฐานของการออกแบบโรงงาน ส่งผลให้เกิดหายนะระดับโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และแม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่ผลกระทบของเชอร์โนบิลยังคงรุนแรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ เทปวิดีโอนี้ถูกซ่อนและเรื่องราวความจริงถูกปิดบังไว้โดยรัฐบาลโซเวียตที่ปกครองยูเคลนอยู่ ณ ตอนนั้น เพราะกลัวว่าจะสร้างความเสียหายต่อรัฐบาลเนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามเย็น ทั้ง ๆ ที่อุบัติเหตุในครั้งนั้นปล่อยสารกัมมันตภาพรังสีออกมามากกว่าระเบิดฮิโรชิมาถึง 400 เท่า แต่ผู้คนโดยรอบต่างใช้ชีวิตราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบเริ่มมีอาการป่วยลึกลับ และทยอยเสียชีวิตลงเรื่อย ๆ ซึ่งอาการป่วยเหล่านี้ถูกปิดเงียบ และอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับการระเบิดของเชอร์โนบิล จนในที่สุดทุกคนก็รู้ความจริงถึงอันตรายที่เกิดขึ้น ซึ่งการปิดบังข้อมูลของรัฐบาลในครั้งนั้นทำให้ผู้คนไม่ไว้วางใจ เกิดการต่อต้านและนำไปสู่การล่มสลายของโซเวียตในอีกไม่กี่ปีต่อมา เชื่อหรือไม่ครับว่า รัฐบาลโซเวียตปิดบังข้อมูลการเสียชีวิตจากเหตุการณ์เชอร์โนบิลว่ามีผู้เสียชีวิต 13 คน ทั้ง ๆ ที่ต่อมาความจริงเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากรังสีนิวเคลียร์จริง ๆ สูงถึง 200,000 คน เป็นการบิดเบือนตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ ซึ่งนี่เป็นเพียงข้อมูลคร่าว

“The Lost Tape” (เทปวิดีโอ) ที่เผยเรื่องโคตรพีคของ “เชอร์โนบิล” จนถูกซ่อนไว้นานกว่า 36 ปี Read More »

พบกับ “จิ้งจอกดำ” หนึ่งในสัตว์หายากที่สุดในโลก โดย 1,000 ตัว-จะมี 1 ตัวเท่านั้นที่มีสีแบบนี้

“จิ้งจอกดำ” (Black fox) หรือบ้างก็เรียก “จิ้งจอกเงิน” (Silver fox) เป็นหนึ่งในสัตว์ที่หายาก ที่ต้องอาศัยความผิดพลาดทางธรรมชาติเท่านั้น โดยความจริงแล้วมันคือ “จิ้งจอกแดง” (Red fox) ที่เกิดมาพร้อมความผิดปกติที่เรียกว่า “ภาวะเมลานิสติก” (Melanistic) เป็นความผิดปกติของการพัฒนาเม็ดสีเมลานินที่ผลิตสีดำมากกว่าปกติ จนทำให้มันมีสีดำเงินอย่างที่เห็น การเกิดจิ้งจอกดำแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้แม้พ่อแม่จะเป็นจิ้งจอกแดงสีปกติก็ตาม ซึ่งโอกาสเกิดมีเพียง 0.1% เท่านั้น หรือก็คือใน 1,000 ตัว จะมีแบบนี้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ด้วยความหายากแบบนี้ ในอดีตขนของจิ้งจอกดำนับว่าเป็นของมีค่าและสูงส่ง นิยมให้เป็นของขวัญแก่ชนชั้นสูงเพื่อสร้างสัมพันธไมตรี โดยในรัสเซียจะมีแต่ขุนนางเท่านั้นที่สวมใส่ชุดขนจิ้งจอกดำ  BBC รายงานว่า ชายชาวอังกฤษคนหนึ่งพบจิ้งจอกดำระหว่างขับรถกลับบ้านในเมือง Somerset ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ เขาเล่าว่า “มันเดินอยู่ข้างถนน ในตอนแรกฉันเข้าใจว่ามันคือสุนัขจรจัด แต่เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ปรากฏว่ามันคือจิ้งจอกดำ นั่นมันทำให้ฉันต้องเสิร์จ google เพื่อดูว่าจิ้งจอกสีนี้มีอยู่จริงหรอ เพราะมันเหมือนกับที่เคยได้ยินตามตำนานพื้นบ้านเลย” (ตำนานจิ้งจอกดำ หรือที่เรียกกันว่า Black shunk เป็นลางบอกเหตุความโชคร้าย) อีกหนึ่งเหตุการณ์พบเห็นจิ้งจอกสีดำ เกิดขึ้นที่บริเวณชายฝั่ง North Norfolk โดยช่างภาพ

พบกับ “จิ้งจอกดำ” หนึ่งในสัตว์หายากที่สุดในโลก โดย 1,000 ตัว-จะมี 1 ตัวเท่านั้นที่มีสีแบบนี้ Read More »

สายพันธุ์ “เต่าหน้าเกรียน” ที่นึกสูญพันธุ์แล้ว 20 ปี กลับมาปรากฏตัว “ยิ้มกระชากใจ” อีกครั้ง

นี่คือ “เต่าทะเลเมียนมาร์” (Burmese roofed turtles) ชื่อวิทยาศาสตร์ Batagur trivittata คือหนึ่งในสายพันธุ์เต่า-ที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดของโลก ซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วเคยถูกเข้าใจว่าสูญพันธุ์ไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานักวิจัยคาดว่ามีเต่าชนิดนี้อยู่ในธรรมชาติไม่ถึง 10 ตัว ทว่าในปี 2016 นักวิจัยพบไข่เต่าทะเลเมียนมาร์จำนวน 44 ฟอง นับเป็นการฟื้นคืนชีพจากการสูญพันธุ์เลยก็ว่าได้ โดยเต่าทะเลเมียนมาร์ มีถิ่นกำเนิดและถิ่นอาศัยอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ พวกมันกลายเป็นที่รู้จักจากใบหน้าสุดเกรียนที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา ด้วยความน่าสนใจและหายาก ทำให้มันถูกล่าอย่างหนักเพราะสามารถขายได้ในราคาสูงจากตลาดค้าสัตว์ผิดกฏหมาย ซึ่งในแต่ละปีทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Wildlife Conservation Society (WCS) และ Turtle Survival Alliance จะออกหาไข่เต่าทะเลเมียนมาร์อยู่เป็นประจำ ซึ่งจะพบอย่างมากเพียง 1 ฟองต่อปีเท่านั้น จึงมีชื่อเล่นในหมู่นักวิจัยที่เรียกว่า “ไข่อีสเตอร์” เลยล่ะ โดย สตีเวน แพลตต์ นักสัตวิทยาประจำ WCS กล่าวกับเว็บไซต์ Seeker ว่า “การค้นพบกลุ่มไข่มากถึง 44 ฟองนี้ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เต่าสายพันธุ์นี้รอดพ้นวิกฤตสูญพันธุ์ได้เลย” ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้เก็บไข่ทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลเพื่อความปลอดภัยและเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของลูกเต่าให้มากที่สุด

สายพันธุ์ “เต่าหน้าเกรียน” ที่นึกสูญพันธุ์แล้ว 20 ปี กลับมาปรากฏตัว “ยิ้มกระชากใจ” อีกครั้ง Read More »

รู้จัก “นกขนรุ้ง” (Sunbeam) ที่สวย-ห้าว-และไม่ชอบซ่อนรูป มีของดีแบบนี้ต้องโชว์สิคะ

“นกขนรุ้ง” (Shining sunbeam) เป็นหนึ่งในตระกูลนกฮัมมิงเบิร์ด (Hummingbird) ที่แม้ลำตัวจะมีสีน้ำตาลธรรมดาทั่วไป แต่บริเวณขนด้านหลังของมันจะ “ประกายแสงสีรุ้งสวยงาม” โดยมันเป็นฮัมมิงเบิร์ดสายพันธุ์เดียวที่มีขนสีรุ้งแบบนี้ (ทั้งนี้ ฮัมมิงเบิร์ดคือสายพันธุ์นกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก บินถอยหลังได้ แล้วก็กินน้ำหวานจากดอกไม้ได้ด้วย) “เจ้าซันบีม” เป็นนกขนาดจิ๋วที่มีขนาดความยาวลำตัวเพียง 12-13 เซนติเมตรเท่านั้น (หรือเทียบเท่านิ้วหัวแม่มือของคนเราแค่นั้นเอง) มีน้ำหนักราว 7-8 กรัม ได้รับการบันทึกว่ามีตัวตนครั้งแรกในปี ค.ศ.1843 สามารถพบได้ตลอดแนวเทือกเขาแอนดีส ประเทศโคลอมเบีย เอกวาดอร์ และเปรู สิ่งหนึ่งที่มันต่างไปจากนกฮัมมิงเบิร์ดและนกสายพันธุ์อื่น คือมีนิสัยหวงอาณาเขตมาก นกขนรุ้งมักจะทำตัวเป็นเจ้าของดอกไม้และพื้นที่-ที่มันหากิน หากมีฮัมมิงเบิร์ดตัวอื่นมากินน้ำหวานจากดอกไม้ของมัน มันจะเข้าโจมตีนกตัวนั้นทันที ช่างภาพบางคนเล่าว่า “บางทีหากพวกเขาเข้าใกล้มากเกินไป ก็อาจถูกโจมตีได้เช่นกัน” สำหรับการผสมพันธุ์จะมีฤดูการผสมพันธุ์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ เช่น โคลอมเบีย : ช่วงเดือนมีนาคม-กันยายน , เอกวาดอร์ : ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และ เปรู : พฤศจิกายน-เมษายน พวกมันสามารถสร้างรังจากตะไคร่น้ำและเส้นใยพืชได้ โดยจะอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 10 เมตร ปัจจุบัน IUCN ประเมินสถานะเสี่ยงสูญพันธุ์ของนกขนรุ้งคือ

รู้จัก “นกขนรุ้ง” (Sunbeam) ที่สวย-ห้าว-และไม่ชอบซ่อนรูป มีของดีแบบนี้ต้องโชว์สิคะ Read More »

รู้จักกับ “Mirny Mine” หลุมเพชรใหญ่ที่สุดในโลก (ลึก 500 เมตร) มีแรงดึงดูดให้เฮลิคอปเตอร์ตกได้

เหมืองเมียร์นี่ (Mirny Mine) นับว่าเป็นหลุมที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ แต่นอกเหนือจากที่มันจะเป็นเหมืองเพชรอันล้ำค่าแห่งหนึ่งของโลกแล้ว มันยังแฝงด้วยเรื่องราวพิศวงที่ว่ากันว่า เหมืองยักษ์แห่งนี้สามารถดูดเฮลิคอปเตอร์ที่บินผ่านให้ตกได้ด้วย !   จุดเริ่มต้นของเหมืองแห่งนี้ เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1955 ทีมธรณีวิทยาแห่งสหภาพโซเวียตหรือประเทศรัสเซียในปัจจุบัน ค้นพบว่าบริเวณแถบไซบีเรียตะวันออกมีพื้นที่ที่อุดมไปด้วยแร่คิมเบอร์ไลต์ (Kimberlite) ซึ่งเป็นแร่ที่เกิดขึ้นจากการเย็นตัวลงของแม็กม่าที่สามารถถลุงออกมาให้กลายเป็นเพชรได้ และด้วยความที่เป็นแร่หายากมีค่ามหาศาล ส่งผลให้ทีมธรณีวิทยาที่ค้นพบได้รับรางวัลเลนิน ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติชิ้นหนึ่งในสหภาพโซเวียตเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าวสหภาพโซเวียตยังได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้การดำเนินการเพื่อสร้างเหมืองเมียร์นี่เป็นไปอย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นแรงงานที่มีน้อย เนื่องจากประชากรในประเทศลดลงหลังสงครามโลกสิ้นสุด จนถึงสภาพแวดล้อมในแถบไซบีเรียที่ไม่เอื้ออำนวยในการขุดเหมืองเอาเสียเลย โดยพื้นที่ในแถบไซบีเรียเป็นที่ทราบกันว่ามีสภาพอากาศแบบสุดขั้วแห่งหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ ช่วงฤดูหนาวอันแสนยาวนานบางครั้งทำให้อากาศลดต่ำลงถึง -40 องศาเซลเซียส รถขุดเจาะไม่สามารถทำงานได้ในอากาศเย็นจัด (ยางและเหล็กที่แข็งตัวทำให้เปราะแตกได้ง่าย) หรือจะเป็นชั้นดินเยือกแข็งเรียกว่า เพอร์มาฟรอสต์ (Permafrost) ซึ่งต้องใช้ระเบิดหรือเครื่องขุดเจาะกำลังสูง อย่างไรก็ตาม แม้การสร้างเหมืองเมียร์นี่จะยากลำบากมาก แต่มันก็ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเพราะมันสร้างรายได้ให้กับสหภาพโซเวียตได้อย่างมหาศาล อย่างในปี ค.ศ.1960 แร่คิมเบอร์ไลต์ที่ขุดได้สามารถถลุงออกมาเป็นเพชรมากถึง 2 ล้านกะรัต ! และเมื่อคำนวณรายได้ตั้งแต่เหมืองเริ่มเปิดทำการก็จะอยู่ที่ราว ๆ 1.3 หมื่นล้านปอนด์ หรือประมาณ 4.4 แสนล้านบาทครับ ส่วนเรื่องเล่าที่ว่าเหมืองเมียร์นี่ดูดเฮลิคอปเตอร์นั้นมีคำอธิบายอยู่ว่า เหมืองนี้มีความลึกถึง 525

รู้จักกับ “Mirny Mine” หลุมเพชรใหญ่ที่สุดในโลก (ลึก 500 เมตร) มีแรงดึงดูดให้เฮลิคอปเตอร์ตกได้ Read More »

นี่คือ “Well of Hell” บ่อลึกลับฉายา “หลุมสู่นรก” ที่เป็นปริศนามานับล้านปี-ตอนนี้ถูกสำรวจแล้ว

พื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศเยเมนและโอมาน มีหลุมประหลาดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีใครทราบที่มาที่ไป ด้วยความลึกลับของหลุมนี้ คนในพื้นที่จึงเรียกมันว่า “หลุมสู่นรก” (Well of Hell) เพราะเชื่อว่าหลุมแห่งนี้คือสถานที่แห่งความชั่วร้าย โดย “หลุมสู่นรก” ตั้งอยู่ที่ทะเลทรายแห่งเมืองอัล มาฮ์รา เป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางถึง 30 เมตร ลึกประมาณ 100-250 เมตร นักวิทยาศาสตร์คาดว่าหลุมนี้น่าจะมีอายุหลายล้านปีมาแล้ว แม้มันจะดูน่าค้นหาในสายตาของนักสำรวจ แต่คนในพื้นที่ต่างหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ สำหรับที่มาของของชื่อหลุมสู่นรก มาจากตำนานที่เล่าขานกันว่ามันเป็นคุกที่สร้างขี้นเพื่อจองจำปิศาจ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีหลักฐานประจักษ์แน่ชัดนักว่าในนั้นมีปิศาจจริงหรือไม่ แต่เพราะ “กลิ่นเหม็นเขียว” ที่ลอยขึ้นมา คนในพื้นที่จึงเชื่อว่ามีสิ่งชั่วร้ายอยู่ภายในนั้น ทั้งนี้ การสำรวจจากปากหลุมทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากหลุมมีลักษณะดิ่งลงไปเป็นแนวตรง จึงเกิดเงาจากปากหลุมบดบังแสงอาทิตย์ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ภายในหลุมได้คือการส่งคนลงไปสำรวจ ซึ่งทีมนักสำรวจนำโดย “โมฮัมมัด อัล คินดี” ตัดสินใจที่จะลงไปพิสูจน์ แม้คนในพื้นที่จะเตือนพวกเขาเกี่ยวกับคำสาปร้ายแรงที่อยู่ในหลุมสู่นรกนี้ก็ตาม คินดีและทีมของเขาได้ลงไปสำรวจถึงก้นหลุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2021 ปรากฏว่าภูมิทัศน์ของมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ระดับออกซิเจนก็อยู่ในระดับที่ปกติไม่ต่างจากข้างบนพื้นผิว ไม่มีแก๊สพิษ แถมยังมีหินไข่มุกสีเขียวที่เกิดจากการสะสมของแคลเซียมคาบอร์เนต (เรียกว่า Cave pearl เพราะมันพบได้บ่อยในถ้ำ) ทำให้พื้นที่นี้ดูน่าสนใจสำหรับนักสำรวจอย่างพวกเขาด้วย แต่หากจะบอกว่าอะไรที่น่ากลัวในหลุมนี้ ก็คงเป็นงูพิษจำนวนมาก

นี่คือ “Well of Hell” บ่อลึกลับฉายา “หลุมสู่นรก” ที่เป็นปริศนามานับล้านปี-ตอนนี้ถูกสำรวจแล้ว Read More »

ยืนยัน “โลมา-อิรวดี” (ตัวสุดท้ายในแม่น้ำโขง) พึ่งจากเราไป 2 เดือนที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา องค์กรด้านการอนุรักษ์นานาชาติ (WWF) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการจากไปของโลมาอิรวดีตัวสุดท้ายในแม่น้ำโขงเขต สปป.ลาว ซึ่งทาง WWF ระบุว่า “นี่คือการสูญพันธุ์ระดับนานาชาติ” โดยก่อนหน้านี้จากผลสำรวจประชากรล่าสุด เมื่อปี 2016 ระบุว่า มีโลมาสายพันธุ์ดังกล่าวอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงเขต สปป.ลาว 3 ตัว (แต่ 2 ตัวก่อนหน้านี้จากไปเมื่อปี 2021) โดยตัวล่าสุดเป็นเพศผู้ อายุ 25 ปี ขนาดลำตัวยาว 2.6 เมตร น้ำหนัก 110 กิโลกรัม จากการตรวจสอบเชื่อว่ามันถูกอวนลากติดขึ้นบกตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และเสียชีวิตใน 4 วันต่อมา จึงทำให้สปป.ลาว ไม่มีโลมาน้ำจืดสายพันธุ์นี้อาศัยอยู่แล้วครับ … ข้อมูลอย่างละเอียด-เกี่ยวกับโลมาชนิดนี้ : โลมาอิรวดี (Irrawaddy dolphin) (ชื่อวิทยาศาสตร์ Orcaella brevirostris) พวกมันถูกพบครั้งแรกที่แม่น้ำอิรวดีในประเทศพม่า (จึงเป็นที่มาของชื่อ) สามารถพบพวกมันได้เพียงแหล่งน้ำ 5 แห่งบนโลก

ยืนยัน “โลมา-อิรวดี” (ตัวสุดท้ายในแม่น้ำโขง) พึ่งจากเราไป 2 เดือนที่ผ่านมา Read More »

ความร้อนจากการปะทุ “ภูเขาไฟ-ปอมเปอี” (เมื่อ 2 พันปีก่อน) เปลี่ยนสมองคนให้กลายเป็น “แก้ว”

เมื่อครั้งที่ภูเขาไฟวิสุเวียส ระเบิดขึ้นเมื่อ 79 ปีก่อนคริสตกาล มันได้ปล่อยก๊าซและหินร้อนออกมามากพอ จนสามารถต้มเลือดภายในร่างกายของมนุษย์จนเดือดได้ หรือแม้แต่ทำให้ผิวหนังของสิ่งมีชีวิตระเหยกลายเป็นไอ รวมทั้งยังเปลี่ยนเนื้อเยื่อสมองของมนุษย์ให้กลายเป็นแก้วได้เลย   ซึ่งปกติแล้วนักโบราณคดีไม่ค่อยพบสมองมนุษย์ระหว่างการขุดสำรวจมากนัก แต่ถ้าพบแล้วล่ะก็ ส่วนมากสมองก็จะมีรูปร่างคล้ายสบู่ก้อนเล็ก ๆ เสียมากกว่า แต่ล่าสุดเมื่อตรวจสอบซากของผู้เคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตในเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) เมืองโบราณ ณ ประเทศอิตาลี ในเหตุการณ์การระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียส (Vesuvius eruption) เหล่านักวิจัยกลับพบสิ่งที่ต่างออกไป พวกเขาพบว่า สมองของเหยื่อถูกไฟไหม้จนเปลี่ยนเป็นเศษแก้วชิ้นเล็กชิ้นน้อย (สีดำ) โดยเกิดจากการผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “Vitrification” (เวอร์-ทิ-ฟิ-เค-ชั่น) คือการที่ของผิวอ่อนถูกความร้อนสูงเฉียบพลันจนเปลี่ยนสถานะกลายเป็นของเหลว และเมื่อเย็นลงจึงกลายเป็นผลึกแก้ว การค้นพบนี้เป็นผลงานของ ดร.เพียร์ เพาโล เปโตรเน (Pier Paolo Petrone) ศาสตราจารย์วิชาสรีรวิทยามนุษย์และมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยแพทย์เฟเดอริโกที่สอง (Federico II University) ในอิตาลี เปโตรเนและเพื่อนร่วมงานของเขาเข้าไปสำรวจซากโครงกระดูกของเหยื่อมากกว่า 300 คนในเฮอร์คิวเลเนียม โดยเมืองเฮอร์คิวเลเนียมอยู่ห่างจากเมืองปอมเปอีราว 20 กิโลเมตร และด้วยระยะความใกล้นี้เอง ทำให้ผู้คนในเฮอร์คิวเลเนียมก็ต้องพบกับชะตากรรมสยดสยองเช่นกัน ซึ่งส่วนมากจะเสียชีวิตจากการที่เลือดภายในร่างกายร้อนจนเดือด-เกิดเป็นแรงดันสูงนำไปสู่การทำให้หัวกะโหลกของพวกเขาระเบิด ในงานวิจัยชิ้นใหม่ เปโตรเนและผู้ร่วมเขียนงานวิจัยเข้าไปตรวจสอบเหยื่อที่อยู่บนเตียงไม้

ความร้อนจากการปะทุ “ภูเขาไฟ-ปอมเปอี” (เมื่อ 2 พันปีก่อน) เปลี่ยนสมองคนให้กลายเป็น “แก้ว” Read More »

รู้จัก “คาเมซอต” ตำนานเทพค้างคาว ที่ชาวมายาบูชา 2,500 ปีก่อน (พร้อมถอดความจากศิลา)

ย้อนไปเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายา (Maya) ได้มีกิจกรรมบูชาเทพที่มีร่างกายเป็นมนุษย์และมีหัวเป็นค้างคาว ซึ่งเทพองค์นี้มีชื่อว่า Camazotz (คาเมซอต) แต่เมื่อเราได้อ่านคำอธิบายมันกลับทำให้เรานึกถึงตัวละครหนึ่งที่เป็นฮีโร่ที่โด่งดังที่สุดในโลก Batman นั่นเอง ปล.ภาพหน้าปกที่ทุกคนเห็น คือภาพผลงานศิลปะชื่อ Camazotz Maya Batman suit สร้างขึ้นโดย Kimbal ศิลปินและดีไซเนอร์ชาวเม็กซิกัน สร้างขึ้นเพื่อฉลองแบทแมนอายุครบ 75 ปี และได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานเรื่อง คาเมซอต+แบทแมน นี้เช่นกัน คาเมซอต เป็นเทพโบราณ โดยเป็นสัญลักษณ์ของ ความกลัว, ความมืด และการบูชายัน รูปปั้นคาเมซอตถูกเก็บรวมรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับชนเผ่ามายา คำว่า Camazotz เป็นการผสมกันของคำสองคำนั่นคือ kame (คาเม) ในภาษามายา แปลว่า “ความตาย” และคำว่า sotz (ซอต) แปลว่า “ค้างคาว” เมื่อเอาทั้งหมดมารวมกันแล้วเราจะได้ความหมายว่า “ค้างคาวแห่งความตาย” โดยตำนานของเทพองค์นี้ถูกพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยมาโดยตลอด ล่าสุดเราจะเห็นคาเมซอตในหนัง Hell-boy แต่ก่อนหน้านี้ นักโบราณคดีที่ถอดข้อความจากศิลา พบว่า ชาวมายันเชื่อว่าคาเมซอต ก็คือ 1

รู้จัก “คาเมซอต” ตำนานเทพค้างคาว ที่ชาวมายาบูชา 2,500 ปีก่อน (พร้อมถอดความจากศิลา) Read More »

Scroll to Top