FBIA

(เรื่องจริง) “เมืองผีสิง” ที่ไฟเปิดทุกคืน-บ้านทุกหลังสะอาดกริบ แต่ไม่มีคนอยู่นาน 40 ปีแล้ว

ถ้าให้นึกภาพเมืองผีสิง หลายคนคงคิดว่าต้องเป็นบ้านโทรม ๆ รกร้าง เก่าแก่ และเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แต่ทว่าที่เมือง “Kitsault” (คิท-ซอล์ท) ทุกอย่างกลับสะอาดเอี่ยม ราวกลับมีคนอยู่จริง ๆ แถมทุกคืน ไฟในเมืองจะเปิดตลอด แต่ทว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1982 แล้ว โดยเมือง Kitsault ตั้งอยู่ชายฝั่งทางตอนเหนือของรัฐบริติชโคลอมเบีย ประเทศแคนาดา ที่นี่มีทั้งบ้านเรือน ศูนย์การค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล ธนาคาร ผับบาร์ และโรงละคร ทั้งหมดนี้ถูกทิ้งร้างมานานกว่า 40 ปีแล้ว แต่ความลึกลับของที่นี่ไม่ใช่ภูติผีหรือวิญญาณ แต่เป็นเรื่องของธุรกิจต่างหาก เรื่องราวย้อนไปราว 100 ปีก่อน ภูมิภาคนี้เป็นแหล่งแร่โมลิบดีนัม (Molybdenum) เป็นแร่โลหะที่ใช้ในการชุบเหล็กหรือใช้ผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้า ซึ่งรุ่งเรืองมากในยุคนั้น โดยในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ราคาของแร่โมลิบดีนัมสูงขึ้นมาก เนื่องจากแร่นี้เริ่มเป็นที่ต้องการและหายาก ด้วยเหตุนี้ บริษัท Phelps Dodge จึงเห็นโอกาสทำกำไร จนในปี ค.ศ.1979 บริษัทตัดสินใจลงทุนสร้างเมืองเล็ก ๆ ขึ้นมาสำหรับคนงานเหมือง ซึ่งก็คือเมือง “Kitsault” […]

(เรื่องจริง) “เมืองผีสิง” ที่ไฟเปิดทุกคืน-บ้านทุกหลังสะอาดกริบ แต่ไม่มีคนอยู่นาน 40 ปีแล้ว Read More »

นักวิจัยค้นพบ “สระน้ำมรณะ” ที่ใต้ก้นมหาสมุทร-สามารถคร่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ตกลงไปได้

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยไมอามี-ค้นพบ “สระน้ำมรณะ” (Death Pool) ที่ใต้ก้นทะเลแดง (Red Sea) เป็นสระน้ำเกลือขนาดยาว 3 เมตร ที่ปราศจากออกซิเจนและระดับความเค็มที่สูงจนเป็นอันตราย หรือที่เรียกว่า “ไฮเปอร์ซาลีน” (hypersaline) สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เผลอลงไปในสระมรณะนี้ได้ ทีมวิจัยค้นพบสระมรณะนี้ในปี 2020 ที่ระดับความลึก 1,770 เมตร ในอ่าวอควาบา ทะเลแดง ด้วยการใช้หุ่นยนต์สำรวจควบคุมระยะไกล (ROV) ภายใต้โครงการ OceanXplorer ถูกตั้งชื่อว่า “NEOM Brine Pools” โดยศาสตราจารย์ “แซม เพอร์คิส” ผู้นำทีมวิจัยในครั้งนี้กล่าวว่า “นอกจากมันจะไม่มีออกซิเจน มันยีงมีสารเคมีไฮโดรเจนซัลไฟด์ ที่เป็นพิษอีกด้วย” สิ่งที่น่าสนใจนอกจากความน่าสะพรึงของมันก็คือ สภาพแวดล้อมของสระมรณะนี้ที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยนับตั้งแต่มันก่อตัวขึ้นมา นั่นหมายความว่านี่เป็นเสมือนสมุดบันทึกที่สามารถช่วยให้นักวิจัยเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอาจจะตั้งแต่เมื่อหลายพันจนถึงหลายล้านปีก่อน และอาจให้ความกระจ่างเกี่ยวกับต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลกเลยก็เป็นได้ เฮ้ย ! ไม่เว่อไปหน่อยหรอ ? แอ่งน้ำเค็มนี้มันจะเปิดเผยข้อมูลโลกขนาดนั้นเลยหรอ ? โดยเพอร์คิสให้คำตอบว่า “ความเข้าใจในปัจจุบันของเราคือสิ่งมีชีวิตมีต้นกำเนิดมาจากมหาสมุทร ในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจนเหมือนกัน ซึ่งหากเป็นไปตามทฤษฎีสระมรณะนี้อาจจะจำลองสภาพทะเลในโลกยุคแรกก็เป็นได้” นอกจากนี้ ยังพบจุลินทรีย์ชื่อ“Extremophile” ซึ่งไม่แน่ว่ามันอาจทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจจุดกำเนิดสิ่งมีชีวิตบนโลกก็ได้ โดยสาเหตุที่ทำให้สระมรณะแห่งนี้คงสภาพไว้ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือความอันตรายของมันนั่นแหละ

นักวิจัยค้นพบ “สระน้ำมรณะ” ที่ใต้ก้นมหาสมุทร-สามารถคร่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ตกลงไปได้ Read More »

รู้จักกับ “เมนวูล์ฟ” หมาป่า-ที่ไม่ใช่หมาป่า สัตว์หายากที่ตอนนี้กำลังจะสูญพันธุ์แล้ว

นี่คือ “เมนวูล์ฟ” (Maned Wolf) หมาป่าแห่งอเมริกาใต้ แต่ถึงจะชื่อว่าหมาป่า และมีหน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอกผสมกวาง แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่สัตว์ในตระกูลหมาป่าหรือสุนัขจิ้งจอกเลย โดยชื่อวิทยาศาสตร์คือ Chrysocyon brachyurus มันเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวในตระกูล เมนวูล์ฟเป็นสัตว์หายากและตอนนี้มันใกล้จะสูญพันธุ์แล้วครับ เมนวูล์ฟมีลักษณะเด่นคือ ขนสีส้มแดงคล้ายสุนัขจิ้งจอก ขาดำยาว และหูตั้งใหญ่ โดยมันมีความสูงประมาณ 90 เซนติเมตร หนักประมาณ 30 กิโลกรัม (ถือว่าตัวใหญ่พอสมควรเลยนะ) อาศัยอยู่ในภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าสะวันนา ป่าดิบชื้น พื้นที่ชุ่มน้ำ สามารถพบพวกมันได้ในอเมริกาใต้ตอนกลางและตะวันออก โดยเมนวูล์ฟเป็นสัตว์ที่ออกหากินตามลำพังและเป็นสัตว์ประเภทที่สามารถกินได้ทุกอย่าง (Omnivorous Diet) แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่นักล่าดุดันเหมือนหมาป่าหรือสิงโตอะไรทำนองนั้น เพราะอาหารหลักของมันคือผลไม้ หนู กระต่าย นก และแมลง ซึ่งศัตรูทางธรรมชาติของมันคือสุนัขบ้านและเสือภูเขา แต่สิ่งที่คุกคามมันมากที่สุดคือมนุษย์ การขยายตัวของเมืองทำให้ที่อยู่อาศัยของเมนวูล์ฟลดลง และมีรายงานจำนวนไม่น้อยที่พบว่าเมนวูล์ฟถูกรถชนตายในเส้นถนนตัดผ่าน อีกทั้งยังมีการล่าเมนวูล์ฟสำหรับนำไปทำเป็นยาแผนโบราณ ถึงแม้ว่าจะไม่มีงานวิจัยว่าอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของเมนวูล์ฟจะมีสรรพคุณในการรักษาโรคก็ตาม แต่พวกมันก็ยังคงถูกล่าต่อไป อีกทั้งชาวบราซิลพื้นเมืองบางคนเชื่อว่า ลูกตาของเมนวูล์ฟเป็นเครื่องรางนำโชคอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การล่าเมนวูล์ฟบางครั้งถูกจัดเป็นกีฬา หรือไม่ก็ล่าเพราะเกษตกรบางคนจะล่าหมาป่าและสัตว์นักล่าทุกชนิดรวมถึงเมนวูล์ฟด้วยเพราะเชื่อว่ามันเข้าไปกินสัตว์ของพวกเขา ซึ่งแม้ความจริงเมนวูล์ฟไมม่ใช่สัตว์นักล่าอย่างที่คิด รวมถึงยังมีโรคติดต่อที่ทำให้จำนวนประชากรเมนวูล์ฟลดลงด้วย ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุให้พวกมันเข้าใกล้การสูญพันธุ์เข้าไปทุกที อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีความพยายามในการอนุรักษ์เมนวูล์ฟด้วยการใส่มันอยู่ในรายชื่อสัตว์คุ้มครอง

รู้จักกับ “เมนวูล์ฟ” หมาป่า-ที่ไม่ใช่หมาป่า สัตว์หายากที่ตอนนี้กำลังจะสูญพันธุ์แล้ว Read More »

รู้จักกับ “หมู่บ้านสุดกันดาล” (ไม่มีน้ำจืด ไฟฟ้าไม่พอ) แต่กลับมีคนอยู่หนาแน่นสุดในโลก

นี่คือ “Santa Cruz del Islote” (อ่านว่า ซานตา-ครูซ-เดล-อิสโลเต) เป็นเกาะปะการังเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหมู่เกาะ San Bernado นอกชายฝั่งโคลอมเบีย มีขนาด 2.4 เอเคอร์ (ประมาณสนามฟุตบอล 2 สนาม) แต่มีคนอยู่มากถึง 1,200 คน ซึ่งหากเทียบจำนวนประชากรกับพื้นที่แล้ว หมู่บ้านแห่งนี้มีคนอยู่หนาแน่นกว่าเกาะแมนฮัตตันถึง 4 เท่า ! กลายเป็นพื้นที่ที่คนอยู่หนาแน่นมากที่สุดในโลก โดยหมู่บ้านซานตาครูซค่อนข้างกันดาล เพราะที่นี่ไม่มีระบบน้ำปะปา ไม่มีระบบน้ำเสีย ไม่มีระบบจัดการกับสิ่งปฏิกูล มีไฟฟ้าให้ใช้ได้เพียงวันละ 5 ชั่วโมงเท่านั้น และต้องรอน้ำจืดจากกองทัพโคลอมเบียที่จะมาส่งทุก 3 สัปดาห์ ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกใจคือ มันกันดาลขนาดนี้ แต่ทำไมถึงยังอยู่กันนะ ? คำตอบของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 150 ปีก่อน ที่มีกลุ่มชาวประมงจากเมืองชายฝั่งบารู ที่อยู่ห่างออกไป 50 กิโลเมตร ออกมาหาปลาบริเวณเกาะซานตา ครูซ ก่อนจะตัดสินใจพักค้างคืนที่นั่น และสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจคือ “เกาะแห่งนี้ไม่มียุง”

รู้จักกับ “หมู่บ้านสุดกันดาล” (ไม่มีน้ำจืด ไฟฟ้าไม่พอ) แต่กลับมีคนอยู่หนาแน่นสุดในโลก Read More »

นักสำรวจ พบซากเรืออับปางที่ลึกที่สุดในโลก-หลังจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อเกือบ 80 ปีก่อน

เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา นักสำรวจพบซากเรืออับปาง “USS Samuel B Roberts” หรือชื่อเล่นว่า “Sammy B” เป็นเรือรบคุ้มกันของกองทัพสหรัฐฯ ที่ถูกใช้งานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยซากเรือรบนี้ถูกค้นพบโดย “วิคเตอร์ เวสโคโว” นักสำรวจมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทสำรวจมหาสมุทร Caladan Oceanic และ “เจเรมี มอรีเซต” ผู้เชี่ยวชาญด้านโซนาร์จาก EYOS Expeditions พวกเขาใช้หุ่นยนต์ดำน้ำและเรือสำรวจโซนาร์สำรวจทะเลฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยเป็นสนามรบในสงครามอ่าวเลย์เตระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และกองทัพญี่ปุ่น ทีมสำรวจดำเนินการสำรวจ 6 ครั้ง ใช้เวลากว่า 7 วันในการสำรวจครั้งนี้ โดยในวันที่ 18 มิถุนายน ทีมวิจัยค้นพบเครื่องยิงตอร์ปิโดแบบ 3 หัว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเรือรบ Sammy B ต่อมาก็ค้นพบซากเรือทั้งหมดำตั้งแต่หัวเรือยันท้ายเรือ ซึ่งเรือแตกออกเป็น 2 ส่วน ที่ระดับความลึก  6,895 เมตร นับว่าเป็นระดับความลึกที่ลึกที่สุดในโลกที่มีการค้นพบเรืออับปาง ทำลายสถิติเดิมที่ความลึก 6,469 เมตร

นักสำรวจ พบซากเรืออับปางที่ลึกที่สุดในโลก-หลังจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อเกือบ 80 ปีก่อน Read More »

นักสำรวจพบ “หมู่บ้านร้าง” ใน Arctic Circle ที่ชาวบ้านไม่ใช่มนุษย์-แต่เป็น “แก๊งหมีขั้วโลก”

เมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2021 ช่างภาพชาวรัสเซีย “Dmitry Kokh” เดินทางสำรวจ “เกาะแรงเกิล” (Wrangle Island) เกาะห่างไกลที่อยู่ในเขต Arctic circle ทางตอนเหนือของภูมิภาคชูคอตกา ประเทศรัสเซีย โดยสิ่งที่เขาพบคือ หมู่บ้านร้างแห่งหนึ่งที่ซึ่งชาวบ้านคือ “แก๊งหมีขั้วโลก” กว่า 20 ตัว Kokh ร่องเรือไปไกลกว่า 2,000 กิโลเมตร จากเมือง Anadyr เมืองหลวงของชูคอตกา เพื่อเดินทางไปยังเกาะแรงเกิล โดยทางตอนใต้ของเกาะแรงเกิลมีเกาะเล็ก ๆ ชื่อ “Kolyuchin” ที่นั่นมีหมู่บ้านร้างที่อดีตเคยเป็นศูนย์วิจัยสภาพอากาศของสหภาพโซเวียต แต่ปัจจุบันคือที่อยู่อาศัยของหมีขั้วโลก “เกาะ Kolyuchin มีขนาดเล็กมาก คุณสามารถมองเห็นทั้งเกาะได้จากบนเรือ” Kokh กล่าวกับ Livescience สำหรับสถานีวิจัยสภาพอากาศของโซเวียตนั้นถูกทิ้งร้างไปเมื่อปี ค.ศ.1991 หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย โดยในระหว่างที่เรือของ Kokh จะเทียบท่า เขาเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่หน้าต่างของบ้านร้าง จนกระทั่งพบว่ามันคือหมีขั้วโลก “เราเห็นหมี 1 ตัว แล้วก็เห็นอีกตัว เมื่อนับไปเรื่อย ๆ จนมีหมีมากถึง

นักสำรวจพบ “หมู่บ้านร้าง” ใน Arctic Circle ที่ชาวบ้านไม่ใช่มนุษย์-แต่เป็น “แก๊งหมีขั้วโลก” Read More »

นี่คือ “แบคทีเรียที่ใหญ่ที่สุดในโลก” (ใหญ่กว่าปกติ 5,000 เท่า) สามาถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

นักวิจัยค้นพบ แบคทีเรียยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแบบไม่ต้องใช้กล้องจุลทัศน์เลยทีเดียว แบคทีเรียตัวนี้ชื่อ “Thiomargarita magnifica” มันมีขนาดใหญ่กว่าแบคทีเรียทั่วไปถึง 5,000 เท่าเลยทีเดียว “จีน-แมรี่ วอลแลนด์” นักชีววิทยาทางทะเลจากศูนย์วิจัย Complex Systems ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า มันมีความยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร มีลักษณะ ขนาดและรูปร่างคล้ายขนตามนุษย์ ซึ่งนอกจากจะใหญ่กว่าแบคทีเรียทั่วไปถึง 5,000 เท่าแล้ว เมื่อเทียบกับแบคทีเรียที่จัดว่ามีขนาดใหญ่ เจ้าแบคทีเรียตัวนี้ก็ยังใหญ่กว่าถึง 50 เท่า ยิ่งไปกว่านั้น เซลล์ในแบคทีเรียยักษ์นี้ก็ยังพิเศษและซับซ้อนกว่าแบคทีเรียทั่วไป คือสารพันธุกรรมของแบคทีเรียทั่วไปจะลอยตัวอย่างอิสระอยู่ภายในเซลล์ แต่สำหรับ T.magnifica กลับบบรจุสารพันธุกรรมไว้ในถุงเมมเบรน ซึ่งปกติแล้วจะพบได้เฉพาะในพืชและสัตว์เท่านั้น โดย “โอลิเวอร์ กลอส” นักชีววิทยาทางทะเลจากประเทศฝรั่งเศส ค้นพบแบคทีเรียชนิดนี้ครั้งแรก จากการเก็บตัวอย่างน้ำในป่าชายเลนเขตร้อนในทะเล Lesser Antilles คาบสมุทรแคริบเบียน ซึ่งในตอนแรกพวกเขาเข้าใจว่ามันเป็นสัตว์จำพวกพยาธิชนิดหนึ่ง แต่เมื่อหลายปีต่อมาเริ่มมีการศึกษาจริงจังมากขึ้น จึงทราบว่ามันคือแบคทีเรีย ก่อนหน้านี้ มีทฤษฎีเกี่ยวกับสาเหตุที่แบคทีเรียมีขนาดเล็กจิ๋วจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าระบุว่า “เซลล์แบคทีเรียนั้นไม่มีความซับซ้อน ซึ่งเป็นตัวจำกัดขนาดของเซลล์” กล่าวคือ เมื่อร่างกายมีความเรียบง่าย ไม่มีอวัยวะมากมาย จึงไม่มีความจำเป็นที่จพต้องมีขนาดใหญ่โตเมื่อสิ่งมีชีวิตอื่น

นี่คือ “แบคทีเรียที่ใหญ่ที่สุดในโลก” (ใหญ่กว่าปกติ 5,000 เท่า) สามาถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า Read More »

นี่คือ เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถ “มองทะลุกำแพง” ได้ – เห็นวัตถุและสิ่งมีชีวิตแบบเรียลไทม์

นี่คือกล้อง “Xaver 1000” เทคโนโลยีใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้งานในกองทัพอิสราเอล ความเจ๋งคือมันสามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตและวัตถุที่อยู่หลังกำแพงแสดงออกมาเป็นภาพให้เราได้เห็นแบบเรียลไทม์ Xaver 1000 ถูกออกแบบและสร้างขึ้นโดยบริษัท Camero-Tech ที่ดำเนินกิจการผลิตและพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเรดาร์ ซึ่ง Xaver 1000 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน Eurosatury 2022 ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มันทำงานด้วยอัลกอริธึม AI ขึ้นสูงในการตรวจจับวัตถุและสิ่งมีชีวิตด้านหลังกำแพง และประเมินออกมาเป็นภาพให้เราได้เห็นแบบเรียลไทม์ ผ่านเทคโนโลยี 3D เฉพาะของ Camero-Tech โฆษกของ Camero-Tech อธิบายว่า “ความสามารถในการแสดงภาพที่อยู่หลังกำแพงนั้น เผยให้เห็นส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ที่อยู่หลังกำแพงได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเป้าหมายจะนั่ง ยืน หรือนอนราบก็ตาม สามารถระบุจำนวนคน ระยะห่าง และทิศทาง ทั้งนี้ยังสามารถแยกแยะว่าสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นสัตว์ เด็ก หรือผู้ใหญ่ ได้ด้วย” ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีสุดเจ๋งชิ้นนี้จึงถูกกำหนดให้ใช้เฉพาะในกองทัพ การปฏิบัติภารกิจพิเศษ หน่วยข่าวกรอง และการค้นหากู้ภัยเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะถูกนำไปใช้ปฏิบัติการมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก “Amir Beeri” ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Camero-Tech กล่าวเสริมอีกว่า “Xaver

นี่คือ เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถ “มองทะลุกำแพง” ได้ – เห็นวัตถุและสิ่งมีชีวิตแบบเรียลไทม์ Read More »

รู้จักกับ ชายที่อยู่บนเกาะร้างมานานเกือบ 30 ปี – จนถูกขนานนานว่า “Castaway ตัวจริง”

คุณปู่ “มาซาฟุมิ นางาซากิ” ชายชาวญี่ปุ่นวัย 82 ปี อาศัยอยู่บนเกาะร้างห่างไกลของญี่ปุ่นอย่างโดดเดี่ยวมานานกว่า 29 ปี จนถูกขนานนามว่าเป็น “Castaway ตัวจริง” โดยเขาตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต ย้อนไปในปี ค.ศ.1989 ปู่นางาซากิตัดสินใจทิ้งบ้านและย้ายไปอยู่บนเกาะโซโตะบานาริ เกาะร้างในจังหวัดโอกินาว่า ที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งไปเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ไม่มีใครขึ้นไปบนเกาะนั้นเนื่องจากกระแสน้ำโดยรอบนั้นอันตราย แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่คุณปู่เลือกมาอยู่บนเกาะนี้นั่นแหละ อดีตเขาเคยเป็นช่างภาพและเคยประกอบกิจการโฮสต์คลับ ซึ่งไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ปู่นางาซากิตัดสินใจทิ้งชีวิตที่สดใสและมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ แต่เมื่อปี 2012 ปู่นางาซากิเคยกล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่า “การหาที่ตายคือสิ่งสำคัญสำหรับฉัน และฉันตัดสินใจแล้วว่าที่เกาะแห่งนี้คือที่สำหรับฉัน” “อัลเบโร เซเรโซ” นักข่าวอิสระ ได้เดินทางไปสัมภาษณ์ปู่นางาซากิและใช้ชีวิตร่วมกันเป็นเวลากว่า 5 วัน เล่าว่า “ในช่วงแรกที่ปู่มาอยู่ที่นี่ เขาใช้ชีวิตด้วยการสวมเสื้อผ้าปกติ แต่อยู่มาวันหนึ่งพายุได้พัดถล่มบ้านที่เขาสร้างขึ้นพร้อมกับทรัพย์สินและเสื้อผ้าลอยไปกับสายลม ทว่าไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่า ตนเองไม่ต้องใส่เสื้อผ้าบนเกาะห่างไกลไร้ผู้คนแบบนี้สักหน่อย” นั่นเป็นเหตุผลที่ปู่ใช้ชีวิตบนเกาะโดยไม่สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว สิ่งที่น่าสนใจของปู่นางาซากิคือ เขาเป็นคนตรงต่อเวลาและมีระเบียบวินัยมาก แม้จะอยู่เพียงลำพังบนเกาะที่เอาจริง ๆ เขาจะทำอะไรก็ได้ จะยืดหยุ่นแค่ไหนหรือไม่ทำอะไรเลยก็ยังได้ แต่ทว่าปู่มีตารางเวลาการใช้ชีวิตที่ชัดเจน เซเรโซกล่าวว่า “ฉันมาสายจากเวลาที่ปู่นัดไป 5 นาที

รู้จักกับ ชายที่อยู่บนเกาะร้างมานานเกือบ 30 ปี – จนถูกขนานนานว่า “Castaway ตัวจริง” Read More »

หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกของ “แฟรงเกนสไตน์” (Frankenstein) ถูกขายไปในราคาสูงถึง 40 ล้านบาท

“แฟรงเกนสไตน์” (Frankenstein) นวนิยายแนวโกธิคสยองขวัญสุดอมตะ ที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคก็ยังมีกลิ่นอายความน่าหลงใหลอยู่ตลอด โดยเมื่อปี 2021 นวนิยายดังกล่าวก็สร้างเสียงฮือฮาด้วยราคาประมูลหนังสือชุดแรกในราคาสูงถึง 40 ล้านบาท !! นวนิยายเรื่อง “แฟรงเกนสไตน์” หรืออีกชื่อหนึ่ง “Modern Prometheus” เป็นฝีมือการประพันธ์ของ “แมรี เชลลีย์” (Mary Shelley) มีการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1818 มีทั้งเรื่องราวของความสยองขวัญจากศพที่ถูกฟื้นคืนชีพ และเรื่องราวความรักปนอยู่รวมกัน ทำให้นวนิยายเรื่องนี้ถูกนำไปดัดแปลงในการแสดงต่าง ๆ ตั้งแต่ละคร, ละครเวที, ภาพยนตร์ แม้กระทั่งการ์ตูนก็มีเหมือนกันครับ แต่ความน่าสนใจของเรื่องราวนี้ คือการเปิดประมูลหนังสือนวนิยายเรื่องแฟรงเกนสไตน์นี่แหละ หากแต่มันจะไม่น่าสนใจอะไรเลยถ้ามันไม่ใช่หนังสือที่อยู่ในการพิมพ์ครั้งที่ 1 นั่นแปลว่าหนังสือชุดนี้มีอายุกว่า 200 ปีมาแล้ว จุดสังเกตที่โดดเด่นของหนังสือในยุคนี้คือ “ปกหนังสือสีฟ้า” ที่ทำจากกระดาษแข็งและไม่มีลวดลายอะไรมากนัก โรงพิมพ์ในช่วงปี 1800 จะใช้กระดาษแข็งสีฟ้าหรือเทาแทนปกหนังสือเพื่อให้กระบวนการผลิตรวดเร็ว นอกจากนี้ เมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อหนังสือแล้ว พวกเขาสามารถส่งหนังสือไปให้ช่างทำปกช่วยถอดปกกระดาษแข็งอันจืดจางนี้ออก เพื่อทำปกใหม่ที่สวยงามกว่าลงไปแทน ดังนั้น ปกกระดาษแข็งนี้จึงถอดเปลี่ยนได้ง่าย แต่ก็มีความแข็งแรงต่ำกว่าการทำปกแบบจริงจังเช่นกัน ในช่วงหลังที่ระบบโรงพิมพ์พัฒนามากขึ้น ความนิยมใช้ปกกระดาษแข็งจึงลดน้อยลงไปมาก (เพราะโรงพิมพ์สามารถทำปกสวย ๆ และแข็งแรงกว่าได้เร็วทันใจนั่นเอง)

หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกของ “แฟรงเกนสไตน์” (Frankenstein) ถูกขายไปในราคาสูงถึง 40 ล้านบาท Read More »

Scroll to Top