ถ้าให้นึกภาพเมืองผีสิง หลายคนคงคิดว่าต้องเป็นบ้านโทรม ๆ รกร้าง เก่าแก่ และเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แต่ทว่าที่เมือง “Kitsault” (คิท-ซอล์ท) ทุกอย่างกลับสะอาดเอี่ยม ราวกลับมีคนอยู่จริง ๆ แถมทุกคืน ไฟในเมืองจะเปิดตลอด แต่ทว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1982 แล้ว
โดยเมือง Kitsault ตั้งอยู่ชายฝั่งทางตอนเหนือของรัฐบริติชโคลอมเบีย ประเทศแคนาดา ที่นี่มีทั้งบ้านเรือน ศูนย์การค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล ธนาคาร ผับบาร์ และโรงละคร ทั้งหมดนี้ถูกทิ้งร้างมานานกว่า 40 ปีแล้ว แต่ความลึกลับของที่นี่ไม่ใช่ภูติผีหรือวิญญาณ แต่เป็นเรื่องของธุรกิจต่างหาก
เรื่องราวย้อนไปราว 100 ปีก่อน ภูมิภาคนี้เป็นแหล่งแร่โมลิบดีนัม (Molybdenum) เป็นแร่โลหะที่ใช้ในการชุบเหล็กหรือใช้ผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้า ซึ่งรุ่งเรืองมากในยุคนั้น โดยในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ราคาของแร่โมลิบดีนัมสูงขึ้นมาก เนื่องจากแร่นี้เริ่มเป็นที่ต้องการและหายาก
ด้วยเหตุนี้ บริษัท Phelps Dodge จึงเห็นโอกาสทำกำไร จนในปี ค.ศ.1979 บริษัทตัดสินใจลงทุนสร้างเมืองเล็ก ๆ ขึ้นมาสำหรับคนงานเหมือง ซึ่งก็คือเมือง “Kitsault” นั่นเอง โดยช่วงเวลานั้นมีคนอาศัยอยู่มากถึง 2,000 คนเลยทีเดียว คนงานทั่วอเมริกาเหนือต่างพากันมาทำงานและอยู่ที่เมืองแห่งนี้ นับว่าเป็นการสร้างเมืองที่ใหญ่ที่สุด ณ เวลานั้นเลยก็ว่าได้
ทว่าโชคไม่ดี เพราะหลังจากที่ดำเนินกิจการไปเพียงปีเศษ ๆ ราคาของแร่โมลิบดีนัมก็ลดลง เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย บริษัทเริ่มขาดทุนจนท้ายที่สุดเหมืองก็ต้องปิดตัวลง และเมื่อไม่มีงาน คนงานเหมืองก็เริ่มทยอยย้ายออก และทิ้งเมือง Kitsault ไว้กลายเป็นเมืองร้างในที่สุด
จนกระทั่งในปี 2005 นักธุรกิจชาวอินเดียรายหนึ่งได้ตัดสินใจซื้อหมู่บ้านแห่งนี้ไปในราคา 7 ล้านดอลลาร์ (ราว 250 ล้านบาท) เพื่อหวังจะฟื้นฟูเมืองแห่งนี้ ซึ่งเขาใช้เงินอีกกว่า 25 ล้านดอลลาร์ (900 ล้านบาท) ในการปรับปรุงดูแลอยู่สม่ำเสมอ สรุปก็คือที่มีไฟเปิดและบ้านทุกหลังสะอาดเอี่ยม เพราะนักธุรกิจคนนี้นี่เอง ซึ่งทุกวันนี้เมือง Kitsault ก็ยังไม่มีคนอยู่นะครับ
สำหรับในอนาคตนักธุรกิจดังกล่าวตั้งใจจะเปลี่ยนเมืองนี้ให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของรัฐบริติชโคลัมเบีย หากประสบความสำเร็จ เมืองแห่งนี้น่าจะเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ ปัจจุบัน ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเปิดให้ผู้คนสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ครับผม
อ้างอิง (Ref.) – amusingplanet, allnewspress