Author name: admin

นักโบราณคดี เผลอทำไข่อายุ 1,700 ปี “แตก 3 ฟอง” โดยไม่ตั้งใจ (แต่โชคดีรอดให้วิจัย 1 ฟอง)

เมื่อปี 2016 (แต่ขุดสำรวจก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2007 แล้วครับ) ขณะทีมนักโบราณคดีกำลังขุดค้น ณ พื้นที่แห่งหนึ่งภายในมณฑลบัคกิงแฮมเชียร์ (Buckinghamshire) ประเทศอังกฤษ ที่เชื่อว่าเคยเป็นหมู่บ้านโรมันโบราณ ชื่อ Berryfields ทีมงานได้บังเอิญทำไข่ไก่ 3 ฟอง ที่มีอายุกว่า 1,700 ปี “แตก” โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งหลังจากไข่ทั้ง 3 ฟองแตก มันก็ปล่อยกลิ่นเหม็นรุนแรงออกมา ทีมงานทุกคนไม่ได้ตกใจที่กลิ่นเหม็นเข้มข้นเหมือนก๊าสไข่เน่า แต่ตกใจที่ “เพราะเหตุใดมันถึงยังไม่กลายเป็นหิน ?” ซึ่งโชคดีมากที่นักโบราณคดียังสามารถรักษาไข่หนึ่งฟองที่เหลือไว้ได้ ทำให้นอกจากมันจะเป็นไข่ไก่จากยุคโรมัน-ที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงใบเดียวที่พบในสหราชอาณาจักร แต่มันยังเหลือไว้ให้นักวิจัยหาคำตอบที่เราเองก็อยากรู้เหมือนกัน โดยจากการตรวจสอบซึ่งใช้เวลานานถึง 3 ปีเต็ม ทำให้ได้คำตอบว่า “ในอดีตนั้น-พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นหลุมที่เปียกน้ำมาหลายร้อยปี ซึ่งสถาพแวดล้อมแบบนี้ช่วยรักษาความชุ่มชื้นภายในของไข่ได้เป็นอย่างดี แต่หากเราค้นพบช้ากว่านี้อีกไม่กี่ปีมันก็จะกลายเป็นหินเหมือนที่เราเคยค้นพบก่อนหน้านี้หลายฟองแน่นอน เนื่องจากน้ำในพื้นที่ขุดสำรวจก็กำลังเหือดแห้งไปตามกาลเวลานั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่เราเลือกใช้เวลาขุดค้นที่นี่นานกว่า 9 ปีเต็ม ก็เพราะคุณจะได้อะไรมากมายที่ไม่สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมอื่นได้ แต่มันก็ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเอามันออกมาได้หนึ่งฟอง เพราะพวกมันบอบบางเหลือเกิน” – สตวดต์ โฟว์แมน ) ผู้อำนวยการโครงการสำรวจ กล่าว นอกจากไข่แล้ว พวกเขายังพบเหรียญ รองเท้า […]

นักโบราณคดี เผลอทำไข่อายุ 1,700 ปี “แตก 3 ฟอง” โดยไม่ตั้งใจ (แต่โชคดีรอดให้วิจัย 1 ฟอง) Read More »

นักสำรวจพบ “ซากแมมมอธ” (14 ตัว) นอนเกลื่อนติดกับดักที่มนุษย์วางไว้ เมื่อ 15,000 ปีที่แล้ว

วันที่ 9 พ.ย. 2019 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมนักโบราณคดีของเม็กซิโก ได้ค้นพบซากโครงกระดูกแมมมอธจำนวน 14 ตัว ในหลุมลึก 2 หลุม บริเวณเมือง Tultepec (ทุลเทเพค) ทางตอนเหนือของเม็กซิโกซิตี้ (ใกล้กับพื้นที่ก่อสร้างสนามบินใหม่) ถือเป็นการค้นพบโครงกระดูกแมมมอธจำนวนมากที่สุดของประเทศเม็กซิโก ทีมงานเชื่อว่า พวกมันตายหลังจากติดกับดักซึ่งสร้างมนุษย์สร้างไว้ในช่วงราว 15,000 ปีที่แล้ว เนื่องจากแต่ละหลุมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 เมตร และลึกลงไปราว 1.7 เมตร จึงเชื่อว่าเป็นกับดักล่าสัตว์ของมนุษย์ในยุคนั้น และการค้นพบในครั้งนี้ นักโบราณคดีไม่ได้ขุดพบพวกมันนอนเป็นระเบียบสวยงาม แต่สิ่งที่พวกเขาขุดพบคือ ซากโครงกระดูกที่อยู่กระจัดกระจายมากกว่า 800 ชิ้น ทำให้ทีมงานต้องใช้เวลานานถึง 10 เดือน ในการขุดค้น-นำมาประกอบ-นำมาวิจัย “การค้นพบครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ระบุว่า มนุษย์รู้จักวางแผนการล่ามาเป็นเวลานานแล้ว เพราะจากการตรวจสอบกระดูกพบว่าแมมมอธบางตัวถูกชำแหละจนแทบไม่มีชิ้นเนื้อหลงเหลืออยู่ อีกทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการล่าสัตว์ของยุคก่อนประวัติศาสตร์ , การรวมกลุ่มของมนุษย์ในอดีต และการศึกษาสัตว์กินพืชขนาดยักษ์ในยุคดึกดำบรรพ์” – หลุยส์ คอร์โดบา หัวหน้าทีมขุดค้น กล่าว ก่อนหน้านี้ เม็กซิโกก็เคยค้นพบกระดูกช้างแมมมอธที่สร้างความประหลาดใจมาแล้วหลายครั้ง เช่นในช่วงทศวรรษที่

นักสำรวจพบ “ซากแมมมอธ” (14 ตัว) นอนเกลื่อนติดกับดักที่มนุษย์วางไว้ เมื่อ 15,000 ปีที่แล้ว Read More »

อัพเดต-ภารกิจตามหา “หมึกยักษ์-วัยรุ่น” อีกครั้ง หลังพบครั้งแรกในอเมริกา (เมื่อ 3 ปีที่แล้ว)

เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2019 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) เพื่อทำภารกิจสำรวจอ่าวเม็กซิโก (Gulf of Mexico) ได้ประกาศข่าวดีโดยการเผยแพร่คลิปของ “หมึกยักษ์”  (Giant Squid) ตัวแรกที่ถูกพบภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนที่พวกเขาพบมัน ทีมงานอยู่ห่างจากชายฝั่งหลุยเซียน่าและอลาบามาประมาณ 160 กิโลเมตร ณ ระดับความลึกราว 760 เมตร โดยก่อนหน้านี้ ทีมลูกเรือได้พยายามค้นหาสิ่งมีชิวิตสุดลึกลับนี้หลายครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาได้เลือกใช้กล้องพิเศษที่มีชื่อว่า “เมดูซ่า” (Medusa) เพราะถูกตกแต่งด้วย ‘แมงกระพรุนไฟฟ้า’ เพื่อดึงดูดสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึก ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกทีมของ ดร. Edie Widder นักวิทยาศาสตร์หญิงที่สามารถบันทึกคลิปวิดีโอของปลาหมึกยักษ์ได้เป็นครั้งแรกในมหาสมุทรนอกชายฝั่งญี่ปุ่นเมื่อปี 2012 แต่แม้จะได้อุปกรณ์สุดล้ำมาช่วยแล้ว ทีมงานก็ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากโขอยู่ดี เพราะกล้องเมดูซ่าถูกนำไปใช้ในการสำรวจ 5 ครั้ง บันทึกวีดีโอนานครั้งละ 24 ชั่วโมง ฉะนั้นทีมงานต้องมานั่งกรองฟุตเทจกว่า 120 ชั่วโมง เพื่อดูว่ากล้องเห็นอะไรบ้าง กระทั่งวันที่ 19 มิถุนายน 2019 ระหว่างการตรวจดูฟุตเทจ ทีมงานก็ได้เจอกับปลาหมึกยักษ์ตัวนี้บนกล้อง

อัพเดต-ภารกิจตามหา “หมึกยักษ์-วัยรุ่น” อีกครั้ง หลังพบครั้งแรกในอเมริกา (เมื่อ 3 ปีที่แล้ว) Read More »

รู้จัก “คาเมซอต” ตำนานเทพค้างคาว ที่ชาวมายาบูชา 2,500 ปีก่อน (พร้อมถอดความจากศิลา)

ย้อนไปเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายา (Maya) ได้มีกิจกรรมบูชาเทพที่มีร่างกายเป็นมนุษย์และมีหัวเป็นค้างคาว ซึ่งเทพองค์นี้มีชื่อว่า Camazotz (คาเมซอต) แต่เมื่อเราได้อ่านคำอธิบายมันกลับทำให้เรานึกถึงตัวละครหนึ่งที่เป็นฮีโร่ที่โด่งดังที่สุดในโลก Batman นั่นเอง ปล.ภาพหน้าปกที่ทุกคนเห็น คือภาพผลงานศิลปะชื่อ Camazotz Maya Batman suit สร้างขึ้นโดย Kimbal ศิลปินและดีไซเนอร์ชาวเม็กซิกัน สร้างขึ้นเพื่อฉลองแบทแมนอายุครบ 75 ปี และได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานเรื่อง คาเมซอต+แบทแมน นี้เช่นกัน คาเมซอต เป็นเทพโบราณ โดยเป็นสัญลักษณ์ของ ความกลัว, ความมืด และการบูชายัน รูปปั้นคาเมซอตถูกเก็บรวมรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับชนเผ่ามายา คำว่า Camazotz เป็นการผสมกันของคำสองคำนั่นคือ kame (คาเม) ในภาษามายา แปลว่า “ความตาย” และคำว่า sotz (ซอต) แปลว่า “ค้างคาว” เมื่อเอาทั้งหมดมารวมกันแล้วเราจะได้ความหมายว่า “ค้างคาวแห่งความตาย” โดยตำนานของเทพองค์นี้ถูกพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยมาโดยตลอด ล่าสุดเราจะเห็นคาเมซอตในหนัง Hell-boy แต่ก่อนหน้านี้ นักโบราณคดีที่ถอดข้อความจากศิลา พบว่า ชาวมายันเชื่อว่าคาเมซอต ก็คือ 1

รู้จัก “คาเมซอต” ตำนานเทพค้างคาว ที่ชาวมายาบูชา 2,500 ปีก่อน (พร้อมถอดความจากศิลา) Read More »

(เหตุการณ์จริง) เมื่อนักวิจัยต้องทิ้ง “ฐานทดลอง” ขั้วโลก เพื่อรอดจากน้ำแข็งละลายฉับพลัน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2019 นักวิจัยจากสถาบัน Roshydromet (“โรซายโดเมท”) ของรัสเซีย ที่ได้ตั้งฐานวิจัยอยู่บนแผ่นน้ำแข็งในแถบอาร์กติก (หรือขั้วโลกเหนือ) ต้องทำการอพยพคนออกจากสถานีโดยด่วน เนื่องจากพบว่า พื้นผิวน้ำแข็งในบริเวณนั้นเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งการอพยพครั้งนี้ ถูกประกาศอย่างเร่งด่วนจากทีมเฝ้าระวังว่า “ต้องเสร็จสิ้นภายใน 3 ชั่วโมง” มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ (ทั้งนี้ ภาพประกอบบทความทั้งหมด-รวมถึงภาพหน้าปก คือภาพจากเหตุการณ์จริงเมื่อปี 2015 ซึ่งมีเนื้อหาอยู่ด้านล่าง เนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุด 2019 ทีมงานรีบอพยพจึงอาจทำให้ไม่มีเวลาถ่ายภาพ – หรืออาจมีแต่เราหาไม่เจอจริง ๆ ครับ) กลับมาที่เหตุการณ์ปี 2019 – ทีมวิจัยดังกล่าวได้ตั้งสถานีวิจัย ณ บริเวณนั้นได้เพียง 1 เดือน เพื่อทำการศึกษาค่ามลพิษที่เพิ่มสูงขึ้นของบริเวณขั้วโลกเหนือ แต่โชคดีที่ได้แบ่งหน้าที่คอยสังเกตร่องที่เกิดการแตกของพื้นน้ำแข็ง-จึงทำให้เห็นถึงการละลายอย่างชัดเจนอยู่ก่อนแล้ว โดยการแจ้งเตือนเกิดขึ้นกระทันหัน-เพราะจู่ ๆ แผ่นน้ำแข็งก็เกิดการละลายพร้อมทั้งแตกออกจากกันอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งนักวิจัยยอมรับว่า งานที่พวกเขาทำนั้นมีความเสี่ยงสูง เพราะจากภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พวกเขาไม่สามารถหาแผ่นน้ำแข็ง-ที่มีความแข็งแรงมากพอที่จะลอยตัวได้จริง ๆ (และจนถึงตอนนี้ อัพเดต:2021 ก็ยังไม่สามารถหาที่ตั้งสำหรับสถานีวิจัยใหม่ได้) และการหนีเอาชีวิตรอดในครั้งนี้ก็ไม่ใช่เหตุกาณ์แรกที่เคยเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ปี

(เหตุการณ์จริง) เมื่อนักวิจัยต้องทิ้ง “ฐานทดลอง” ขั้วโลก เพื่อรอดจากน้ำแข็งละลายฉับพลัน Read More »

นี่คือก้อน “หยกยักษ์” (หนักเกือบ 200 ตัน) ถูกตีมูลค่า-มหาศาลกว่า “3 แสนล้านจ๊าด”

หยกยักษ์ (Giant jade) ชิ้นนี้ถูกขุดพบเมื่อเดือนตุลาคม 2016 โดยสำนักข่าวโกลบอล นิว ไลท์ออฟ เมียนมาร์ รายงานว่า เจ้าหยกยักษ์ก้อนนี้หนักถึง 175 ตัน (ความสูง 4.3 เมตร ความยาว 5.8 เมตร) ซึ่งขุดพบลึกลงไป ณ ความลึก 60 เมตร ในเหมืองหยกที่เมืองพากัน รัฐกะฉิ่น ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมาร์     ซึ่งขณะนี้ถูกตัดแยกออกเป็นชิ้นน้อย เพื่อขายในงาน Myanmar’s Gem Emporium (ปีต่อมาเรียบร้อยแล้ว) โดย ณ ตอนนั้น มีผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประทศได้รับคำเชิญให้ประเมินราคาหยกยักษ์ชิ้นนี้ จากผลสรุป ทำให้ทราบว่า มันถูกตีมูลค่ามหาศาลกว่า 3 แสนล้านจ๊าด (ราว 5.7 พันล้านบาท) ซึ่งมันเป็นหินหยกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากรูปปั้นหยกแกะสลักของพระพุทธเจ้าในประเทศจีน ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 260 ตัน ขณะนี้ตั้งอยู่ ณ วัดพระหยก

นี่คือก้อน “หยกยักษ์” (หนักเกือบ 200 ตัน) ถูกตีมูลค่า-มหาศาลกว่า “3 แสนล้านจ๊าด” Read More »

Scroll to Top