ซากสัตว์

จากการละลายต่อเนื่อง ทำให้นักสำรวจค้นพบ มัมมี่ “ชามัวร์” (อายุ 500 ปี) โดยบังเอิญ

จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และน้ำแข็งที่ละลายอย่างต่อเนื่องทำให้ทีมนักธรณีวิทยาที่ทำการศึกษาธารน้ำแข็ง Gepatschferner (ธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศออสเตรีย) ค้นพบซากมัมมี่ “ชามัวร์” หรือ “แพะภูเขาโบราณ” อายุ 500 ปี สุดหายาก “Martin Stocker-Waldhuber” นักวิจัยผู้ค้นพบกล่าวกับ National Geographic ว่า “สังเกตเห็นเขาของมันโผล่ขึ้นมาจากน้ำแข็งตั้งแต่ปีก่อนแล้ว (2021) แต่ว่าในตอนนั้นมันยังโผล่ออกมาไม่พอที่จะสามารถดึงออกมาได้โดยที่ซากไม่เสียหาย” โดยซากของชามัวร์นี้ถูกพบที่ความสูงกว่า 11,000 ฟุต ประมาณ 3.3 กิโลเมตร “Andrea Fischer” นักธารน้ำแข็งแห่งเทือกเขาแอลป์ ซึ่งเป็นผู้นำทีมวิจัย กล่าวว่า “ชามัวร์ตัวนี้น่าจะเสียชีวิตตอนอายุประมาณ 2 ปี ซากบริเวณศรีษะเหลือแต่กระดูก แต่ส่วนอื่น ๆ ตั้งแต่อกลงไปยังคงถูกเก็บรักษาเนื่องด้วยความเย็นของน้ำแข็ง ทำให้ยังมีขนและผิวหนังอยู่ครบถ้วน” การค้นพบแบบนี้เกิดขึ้นได้ยากในเทือกเขาแอลป์ แต่เนื่องด้วยอัตราการละลายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า อาจมีซากสิ่งมีชีวิตหายากอื่น ๆ ที่ถูกธารน้ำแข็งเก็บรักษาและซ่อนเอาไว้โผล่ออกมาให้เราได้ค้นพบอีกในอนาคตอันใกล้ Fischer กล่าวเสริมอีกว่า “มีธารน้ำแข็งราว 4,000 แห่งในเทือกเขาแอลป์ เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ค้นพบซากชามัวร์ในบริเวณที่เรากำลังทำการศึกษาอยู่พอดี” โดยน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์ละลายอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1850 มาจนถึงปัจจุบัน […]

จากการละลายต่อเนื่อง ทำให้นักสำรวจค้นพบ มัมมี่ “ชามัวร์” (อายุ 500 ปี) โดยบังเอิญ Read More »

นักสำรวจพบ “ซากแมมมอธ” (14 ตัว) นอนเกลื่อนติดกับดักที่มนุษย์วางไว้ เมื่อ 15,000 ปีที่แล้ว

วันที่ 9 พ.ย. 2019 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมนักโบราณคดีของเม็กซิโก ได้ค้นพบซากโครงกระดูกแมมมอธจำนวน 14 ตัว ในหลุมลึก 2 หลุม บริเวณเมือง Tultepec (ทุลเทเพค) ทางตอนเหนือของเม็กซิโกซิตี้ (ใกล้กับพื้นที่ก่อสร้างสนามบินใหม่) ถือเป็นการค้นพบโครงกระดูกแมมมอธจำนวนมากที่สุดของประเทศเม็กซิโก ทีมงานเชื่อว่า พวกมันตายหลังจากติดกับดักซึ่งสร้างมนุษย์สร้างไว้ในช่วงราว 15,000 ปีที่แล้ว เนื่องจากแต่ละหลุมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 เมตร และลึกลงไปราว 1.7 เมตร จึงเชื่อว่าเป็นกับดักล่าสัตว์ของมนุษย์ในยุคนั้น และการค้นพบในครั้งนี้ นักโบราณคดีไม่ได้ขุดพบพวกมันนอนเป็นระเบียบสวยงาม แต่สิ่งที่พวกเขาขุดพบคือ ซากโครงกระดูกที่อยู่กระจัดกระจายมากกว่า 800 ชิ้น ทำให้ทีมงานต้องใช้เวลานานถึง 10 เดือน ในการขุดค้น-นำมาประกอบ-นำมาวิจัย “การค้นพบครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ระบุว่า มนุษย์รู้จักวางแผนการล่ามาเป็นเวลานานแล้ว เพราะจากการตรวจสอบกระดูกพบว่าแมมมอธบางตัวถูกชำแหละจนแทบไม่มีชิ้นเนื้อหลงเหลืออยู่ อีกทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการล่าสัตว์ของยุคก่อนประวัติศาสตร์ , การรวมกลุ่มของมนุษย์ในอดีต และการศึกษาสัตว์กินพืชขนาดยักษ์ในยุคดึกดำบรรพ์” – หลุยส์ คอร์โดบา หัวหน้าทีมขุดค้น กล่าว ก่อนหน้านี้ เม็กซิโกก็เคยค้นพบกระดูกช้างแมมมอธที่สร้างความประหลาดใจมาแล้วหลายครั้ง เช่นในช่วงทศวรรษที่

นักสำรวจพบ “ซากแมมมอธ” (14 ตัว) นอนเกลื่อนติดกับดักที่มนุษย์วางไว้ เมื่อ 15,000 ปีที่แล้ว Read More »

Scroll to Top