เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2019 นักวิจัยจากสถาบัน Roshydromet (“โรซายโดเมท”) ของรัสเซีย ที่ได้ตั้งฐานวิจัยอยู่บนแผ่นน้ำแข็งในแถบอาร์กติก (หรือขั้วโลกเหนือ) ต้องทำการอพยพคนออกจากสถานีโดยด่วน เนื่องจากพบว่า พื้นผิวน้ำแข็งในบริเวณนั้นเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งการอพยพครั้งนี้ ถูกประกาศอย่างเร่งด่วนจากทีมเฝ้าระวังว่า “ต้องเสร็จสิ้นภายใน 3 ชั่วโมง” มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้
กลับมาที่เหตุการณ์ปี 2019 – ทีมวิจัยดังกล่าวได้ตั้งสถานีวิจัย ณ บริเวณนั้นได้เพียง 1 เดือน เพื่อทำการศึกษาค่ามลพิษที่เพิ่มสูงขึ้นของบริเวณขั้วโลกเหนือ แต่โชคดีที่ได้แบ่งหน้าที่คอยสังเกตร่องที่เกิดการแตกของพื้นน้ำแข็ง-จึงทำให้เห็นถึงการละลายอย่างชัดเจนอยู่ก่อนแล้ว โดยการแจ้งเตือนเกิดขึ้นกระทันหัน-เพราะจู่ ๆ แผ่นน้ำแข็งก็เกิดการละลายพร้อมทั้งแตกออกจากกันอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน
ซึ่งนักวิจัยยอมรับว่า งานที่พวกเขาทำนั้นมีความเสี่ยงสูง เพราะจากภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พวกเขาไม่สามารถหาแผ่นน้ำแข็ง-ที่มีความแข็งแรงมากพอที่จะลอยตัวได้จริง ๆ (และจนถึงตอนนี้ อัพเดต:2021 ก็ยังไม่สามารถหาที่ตั้งสำหรับสถานีวิจัยใหม่ได้)
ทั้งนี้ เมื่อแผ่นน้ำแข็งละลาย -> นอกจากจะเพิ่มโอกาสน้ำท่วมโลกแล้ว -> ยังทำให้เกิดภัยพิบัติถี่ขึ้นและคาดเดายากมากขึ้น -> เพราะเมื่อมวลน้ำไหลไปรวมกันเร็วเกินไป ไม่ช้าแกนโลกก็จะเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิมในอัตราความเร็วที่มากขึ้น -> ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์แบบฉับพลันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ “เกิดขึ้น” มานานกว่า 40 ปีแล้วครับ
อ้างอิง (Ref.) – Eye on the Arctic , The Moscow Times