นักวิจัยสแกนกระโหลกศีรษะมนุษย์ยุคหิน-เพื่อดูว่าเมื่อ 8,000 ปีก่อน พวกเขามีหน้าตาอย่างไร

เมื่อปี 2012 นักโบราณคดีค้นพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ชาวสแกนดิเนเวียในแหล่งขุดค้น Kanaljorden ในเมือง Motala ประเทศสวีเดน มีอายุเก่าแก่ราว 8,000 ปี ภายในกระโหลกมี DNA ถูกเก็บรักษาไว้ ซึ่งข้อมูล DNA สามารถเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของมนุษย์ยุคน้ำแข็งคนนี้ได้ !

 

กะโหลกศีรษะของลุดวิก

นักนิติวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน “ออสการ์ นิลส์สัน” ใช้ข้อมูลพันธุกรรมจากกระโหลกศีรษะที่บ่งบอกถึง สีผิว สีผม สีนัยน์ตา อายุ และสแกนด้วยเครื่อง 3D จนเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของชายวัย 50 ปี ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อ 8,000 ปีก่อน ในยุค Scandinavian Mesolithic เป็นช่วงเวลาของธารน้ำแข็งยุคสุดท้าย โดยตั้งชื่อให้เขาว่า “ลุดวิก” (Ludvig)

“คริสตีน โรมีย์” จาก National Geographic รายงานว่า “ลุดวิกมีผมสีน้ำตาล โหนกแก้มนูนชัด นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน เป็นชายร่างกำยำ ตกแต่งด้วยเสื้อคลุมที่ทำจากหนังหมูป่า” โดยส่วนที่ยากที่สุดของเรื่องนี้คือส่วนของกรามที่หายไป นักวิจัยจึงต้องวิเคราะห์คำนวณจากขนาดของกระโหลกศีรษะส่วนบน

 

กะโหลกศีรษะที่พบนั้นน่าสนใจเป็นพิเศษเพราะมันถูกเสียบไว้กับเสาไม้ ซึ่งเป็นการฝั่งศพที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งถูกฝั่งรวมกับกระดูกสัตว์หลายชนิด เช่น หมี หมูป่า กวาง กวางมูส และแบดเจอร์ จัดเรียงไว้บนแท่นหินที่จมอยู่กลางทะเลสาบ เชื่อว่ามันมีความหมายในด้านความเชื่อทางวัฒนธรรมและศาสนาของพวกเขา นอกจากนี้ นักวิจัยได้แรงบันดาลใจในการสร้างทรงผมและเสื้อคลุม มาจากกระดูกหมูป่าที่ถูกฝั่งรวมอยู่ด้วย

“น่าเสียดายที่ลุดวิกพูดไม่ได้ เพระพวกเรามีคำถามมากมายที่อยากถามเขา” นิลส์สัน กล่าว ซึ่งการค้นพบนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่กระโหลกศีรษะของลุดวิกเท่านั้น แต่ยังพบกะโหลกของผู้ใหญ่อีก 8 คน และกะโหลกเด็กทารกอีก 1 คน

ทรงผมและเสื้อคลุมได้แรงบันดาลใจจากกระดูกหมูป่าที่ฝั่งรวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบสาเหตุการตายของลุดวิก รวมถึงการที่กระโหลกศีรษะของลุดวิกถูกเสียบอยู่กับเสาไม้ก็เป็นปริศนาเช่นกัน เพราะหากจะบอกว่าลุดวิกถูกศัตรูตัดหัวก็ไม่น่าใช่ เพราะในตอนนั้นมนุษย์ยังไม่รู้จักการปลิดชีพด้วยการตัดหัว

สุดท้ายแม้จะยังไม่สามารถไขปริศนาดังกล่าวได้ แต่นิลส์สันหวังว่า การสร้างจำลองใบหน้าของลุดวิกขึ้นมานั้นจะสามารถเชื่อมโยงผู้คนในปัจจุบันกับประวัติศาสตร์ในอดีต และด้วยพลังของวิทยาศาสตร์ทำให้ลุดวิกกลับมามีชีวิตอีกครั้ง (ในด้านของประวัติศาสตร์)

อ้างอิง (Ref.) – national geographic, smithsonianmag, sciencealert

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top