(รอดมาได้เพราะเลียนแบบลิง) เรื่องจริงของ “นักบิน” ที่เครื่องตกกลางป่า “แอมะซอน” กว่า 35 วัน

“อันโตนิโอ เซน่า” ได้รับการว่าจ้างให้ขับเครื่องบินขนส่งน้ำมันดีเซลจากเมือง Alenquer ทางตอนเหนือประเทศบราซิล ไปยังเหมืองทองคำผิดกฎหมายในป่าแอมะซอน รัฐปารา ด้วยเครื่องบิน Cessna 210 ทว่าจู่ ๆ เครื่องยนต์ก็ดับกระทันหัน ทำให้เขามีเวลาเพียง 5 นาทีในการตัดสินใจและต้องหาที่ลงจอดฉุกเฉินทันที

เขาตกลงมาด้วยความเร็วสูงจากระดับความสูง 1,000 เมตร ซึ่งโชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บและรอดชีวิตจากเครื่องบินตกมาได้ แต่โชคร้ายที่เขาดันตกลงมากลางป่าแอมะซอนห่างไกลผู้คน และด้วยสินค้าที่ขนมากับเครื่องบินเป็นน้ำมัน ทำให้ทุกอย่างถูกไฟลุกท่วมในเวลาอันรวดเร็ว เซน่าคว้าทุกอย่างที่ดูเหมือนมีประโยชน์ เช่น กระเป๋าเป้ โทรศัพท์(ไม่มีสัญญาณ) น้ำ 3 ขวด น้ำอัดลม 4 ขวด ขนมปัง 1 ถุง เชือก ชุดฉุกเฉิน ตะเกียง และไฟแช็ค 2 อัน

เขาใช้เวลา 5 วันแรก อยู่ใกล้ซากเครื่องบิน เพื่อหวังว่าควันไฟจะช่วยเรียกความช่วยเหลือได้ และตลอดเวลานั้นเขาได้ยินเสียงเครื่องบินกู้ภัยอยู่ใกล้ ๆ แต่ว่าก็ไม่มีเครื่องบินลำไหนลงมาช่วยเหลือเขาเลยสักลำ แม้จะโบกมือและตะโกนสุดเสียงก็ตาม เพราะป่าไม้ที่แน่นทึบทำให้ยากที่จะมองลงมาจากด้านบนได้

และหลังจากนั้น เซน่าก็ไม่ได้ยินเสียงเครื่องบินกู้ภัยอีกเลย “ผมคิดว่าพวกอาจจะเลิกตามหาผม เพราะคิดว่าผมตายไปแล้วจากเหตุเครื่องบินตก ผมเสียใจมากและคิดว่าไม่มีทางรอดแน่ ๆ” ซึ่งหลังจากตั้งสติได้ เซน่าตัดสินใจเดินไปทางทิศตะวันออกตามแสงพระอาทิตย์ไปเรื่อย ๆ และหาทางรอดเท่าที่ทำได้ แต่ตอนนี้อาหารที่เขาเก็บมาจากซากเครื่องบินหมดไปเสียแล้ว เหลือเพียงแต่น้ำเปล่ากับน้ำผลไม้เท่านั้น

สิ่งที่เขาต้องทำคือหาแหล่งโปรตีนเพื่อสร้างพลังงานให้ได้ ในขณะนั้นเองเซน่าเห็นลิงฝูงหนึ่ง เขาเลยเลือกที่จะกินผลไม้และไข่นกทินามูตามพวกลิง เพราะคิดว่าสิ่งที่ลิงกินได้หมายความว่ามันปลอดภัย นอกจากนี้สิ่งที่น่ากังวลไม่ได้มีแค่เรื่องอาหาร แต่ระหว่างทางเขาเจอทั้งเสือจากัวร์ จระเข้ และอนาคอนดา ที่ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าระหว่างที่กำลังนอนหลับเอาแรงเจ้านักล่าพวกนี้จะมากินเขาหรือเปล่า

จนกระทั่งเขาเอาชีวิตรอดในป่ามาได้เข้าวันที่ 35 เซน่าเดินทางมาไกลกว่า 28 กิโลเมตร สูญเสียน้ำหนักไป 25 กิโลกรัม จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียง “เลื่อยไฟฟ้า” จังหวะนั้นเขารู้ทันทีว่าตัวเองรอดตายแล้ว จนมาถึงค่ายของคนงานเก็บถั่วในบราซิล และได้รับการช่วยเหลือจากคนงานและเจ้าของค่ายชื่อ “มาเรีย ซานโตส ทาวาเรส”

สภาพร่างกายของเซน่าเต็มไปด้วยบาดแผล ซูบผอม เลอะโคลน รอยแมลงกัดต่อย และตัวเหม็นมาก มาเรียให้เสื้อผ้าสะอาด ให้ที่พักพิง ให้อาหาร ช่วยประถมพยาบาลเบื้องต้นจนติดต่อเจ้าหน้าที่และครอบครัวของเซน่าให้ทุกคนรับรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

หลังจากได้รับการช่วยเหลือ เซน่าให้สัมภาษณ์ว่า “จริง ๆ ผมไม่ได้อยากทำงานขนส่งเหมืองผิดกฎหมายนี่เลย ก่อนหน้านี้ผมเปิดร้านอาหาร แต่ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ร้านต้องปิดไป ผมไม่มีรายได้ และการขนส่งสินค้านี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่เข้ามาหาผม ณ ตอนนั้น ซึ่งหลังจากนี้ผมจะไม่บินไปยังป่าแอมะซอนอีก แต่ถึงผมจะเจอเรื่องราวโหดร้ายมาแค่ไหนก็ตาม ผมก็ยังยืนยันว่าแอมะซอนเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และสวยงามเสมอ”

Scroll to Top