รู้จักกับ “บิล ฮาสต์” ซูเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ชายผู้มีภูมิต้านทานพิษงูเกือบทุกชนิดบนโลก

“บิล ฮาสต์” นักวิจัยผู้ก้าวข้ามความกลัวเปลี่ยนเป็นความหลงใหลใน “งูพิษ” ชายผู้อุทิศตัวให้กับการพัฒนาเซรุ่มด้วยการฉีด “พิษงู” กว่า 200 สายพันธุ์ เข้าร่างกายทุกวันตลอดระยะเวลา 60 ปี เคยถูกงูกัดมาแล้วกว่า 170 ครั้ง จนได้ฉายาว่า “Snake Man” บิลเริ่มต้นทำงานนี้ในปี ค.ศ.1946 โดยเขารวบรวมงูพิษกว่า 200 สายพันธุ์ทั่วโลก ในแลปมีงูพิษมากถึง 10,000 ตัว หน้าที่ของเขาคือการสกัดพิษงู โดยในแต่ละปีเขาจะส่งตัวอย่างพิษงูมากถึง 36,000 ตัวอย่าง ไปยังศูนย์พัฒนาเซรุ่มทั่วโลก นั่นหมายความว่า เซรุ่มพิษงูที่ถูกพัฒนาขึ้นล้วนได้รับตัวอย่างพิษมาจากบิลทั้งสิ้น และด้วยการทำงานกับงูพิษจำนวนมาก เขาจึงป้องกันตัวเองด้วยการฉีดพิษงูเจือจางเข้าร่างกายทุกวันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ตั้งแต่พิษงูทะเล งูเห่า งูต้นไม้แอฟริกา งูหางกระดิ่ง งูสามเหลี่ยม และอื่น ๆ อีกมาก ทำให้แม้ว่าตลอดชีวิตของบิลจะถูกงูกัดมากถึง 172 ครั้ง แต่เขาก็ไม่เป็นอะไร ในปี 1996 บิลกล่าวกับสำนักข่าว AP ว่า “ครั้งหนึ่งเมื่อปี ค.ศ. 1954

รู้จักกับ “บิล ฮาสต์” ซูเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ชายผู้มีภูมิต้านทานพิษงูเกือบทุกชนิดบนโลก Read More »

“Sexsomnia มีอยู่จริง” โรคที่ผู้ป่วยละเมอมีเซ็กส์ (หรือช่วยตัวเอง) ในระหว่างหลับแบบไม่รู้ตัว

รู้หรือไม่ว่า “Sexsomnia” มีอยู่จริง ! เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับที่ผู้ป่วยมักแสดงพฤติกรรมทางเพศขึ้นมาระหว่างนอนหลับแบบไม่รู้ตัว ทั้งการช่วยตัวเอง ร้องคราง ถึงจุดสุดยอด หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอน “Sexsomnia” บางครั้งถูกเรียกว่า “Sleep Sex” จัดอยู่ในประเภท Parasomnia ที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการนอนหลับ ซึ่งอยู่เดียวกับอาการละเมอเดิน หรือละเมอพูดออกมา จากการศึกษาในปี 2018 พบว่ามีประชากรในวัยผู้ใหญ่ประมาณ 7.1% ที่ป่วยเป็นโรค Sexsomnia โดยจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง Sexsomnia เกิดขึ้นได้ยังไง ? จากรายงานการศึกษาในปี 2010 ในวารสาร Clinical Neurology and Neurosurgery ที่เขียนโดย “ดร.เร็กซ์ฟอร์ด มูซา” ระบุว่า Sexsomnia จะเกิดขึ้นในช่วงหลับลึก (deep sleep) พฤติกรรมดังกล่าวจะปรากฏออกมาเมื่อสมองถูกกระตุ้น เมื่อปี 2016 มีการศึกษาโดยการตรวจคลื่นสมอง (EEG) ของผู้ป่วย Sexsomnia พบว่า เมื่อมีอาการ sexsomnia สมองในส่วน motor

“Sexsomnia มีอยู่จริง” โรคที่ผู้ป่วยละเมอมีเซ็กส์ (หรือช่วยตัวเอง) ในระหว่างหลับแบบไม่รู้ตัว Read More »

NASA ทดสอบยิงกระสวย ด้วยเครื่องยิงหนังสติก (ไม่ใช้เชื้อเพลิง) มีโอกาสไปถึงอวกาศจริงด้วยนะ

“SpinLaunch” บริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐ ร่วมมือกับ NASA และองค์กรส่งออกดาวเทียมอื่น ๆ ทดสอบทฤษฎีความเป็นไปได้ในการยิงวัตถุขึ้นไปบนอวกาศด้วยหนังสติก เพื่อลดการใช้พลังงานและสารเคมีมหาศาล ซึ่งดูเหมือนจะประสบความสำเร็จซะด้วย โดยเครื่องยิงกระสวยนี้มีชื่อเรียกว่า “Suborbital Accelerator” มันจะทำการหมุนและเหวี่ยงวัตถุที่อยู่ภายใน ด้วยความเร็วประมาณ 8,046 กม./ชม. (เร็วกว่าความเร็วเสียง 7 เท่า) และปล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าในท่อแนวตั้งสูง 12 เมตร ซึ่งเจ้าเครื่องนี้ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2015 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา SpinLaunce ประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงวัตถุของ Spaceport America (บริษัทจัดส่งดาวเทียม) ในทะเลทราย รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศอเมริกา ผลคือสามารถยิงวัตถุขึ้นไปยังท้องฟ้าได้สำเร็จ แต่ถึงแม้จะยังไม่ถึงขึ้นโยนออกไปโคจรรอบโลกได้ก็จริง แต่นี่ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่อาจปฏิวัติวงการส่งออกดาวเทียมก็เป็นได้ สำหรับจุดประสงค์ของการทดสอบนี้ คือการทดสอบว่าวัตถุที่ต้องการส่งออกไปนอกโลกนั้นจะสามารถทนทานต่อแรง g ที่เกิดจากความเร็วในการหมุนและแรงเหวี่ยงอันมหาศาลจากเครื่อง Suborbital Accelerator ที่อาจมากถึง 10,000 g ได้หรือไม่ (แรง g คือความเร่งจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุ ยิ่งมีความเร่งมาก แรง g ที่กระทำต่อวัตถุก็ยิ่งมาก ซึ่งถ้าวัตถุรับแรง g

NASA ทดสอบยิงกระสวย ด้วยเครื่องยิงหนังสติก (ไม่ใช้เชื้อเพลิง) มีโอกาสไปถึงอวกาศจริงด้วยนะ Read More »

พบดินแดนใหม่ ณ ปล่องไฟใต้ทะเลลึก พร้อมสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยรู้จักอีก 6 สายพันธุ์

นักสำรวจพบดินแดนแห่งใหม่ที่อยู่ลึกลงไปในอ่าวแคลิฟอร์เนีย นอกชายฝั่งลาปาซ ประเทศเม็กซิโก เป็นที่ตั้งของปล่องไฟใต้ทะเลสูง 24 เมตร สภาพแวดล้อมโดยรอบมีความร้อนสูงจนไม่น่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ แต่ทว่าพวกเขากลับพบสิ่งมีชีวิตที่โลกไม่เคยรู้จักมากถึง 6 สายพันธุ์เลย ทีมสำรวจนานาชาติจากอเมริกาและเม็กซิโก ร่วมกันออกสำรวจโดยใช้หุ่นยนต์ควบคุมระยะไกล (ROV) ชื่อ “SuBastian” มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาและเก็บตัวอย่างของเหลวจากช่องปล่องไฟใต้ทะเล ทั้งหิน โคลน น้ำ และสิ่งมีชีวิต รวมทั้งยังใช้โซนาร์ทำแผนที่ใต้ทะเลเพื่อให้สะดวกต่อการเดินเรือในอนาคต โดยปล่องไฟดังกล่าวคือ “ปล่องไฮโดรเทอร์มอล” เป็นช่องระบายความร้อนจากใต้พิภพ เกิดจากรอยแยกของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งน้ำทะเลจะซึมผ่านรอยแยกลงไปสัมผัสกับเปลือกโลกที่ความร้อนสูง เปรียบเสมือนเป็นหม้อต้มน้ำที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน จากนั้นก็จะเกิดความร้อนตีกลับส่งขึ้นมาทำให้ในบริเวณนั้นมีอุณหภูมิความร้อนสูงถึง 287 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว นอกจากการศึกษาข้อมูลเคมีของปล่องไฮโดรเทอร์มอลแล้ว พวกเขายังพบสิ่งมีชีวิตสุดอึดที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้ นั่นคือเหล่าหนอนทะเลที่มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งมีหนอนทะเลอย่างน้อย 6 สายพันธุ์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และอีก 10 สายพันธุ์ที่ไม่น่าจะมาอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้ อีกทั้งยังมีพวกครัสเตเชีย หอย ดอกไม้ทะเล หนอนลูกศร และอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักวิจัยสงสัยคือ พวกมันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ความร้อนสูงแบบนั้นโดยไม่ถูกต้มสุกได้อย่างไร ? เรื่องนี้คือสิ่งที่พวกเขาต้องศึกษาและวิจัยกันต่อไป แต่จากการประเมิณคาดว่าด้วยอุณหภูมิที่สูง ณ บริเวณนั้นอาจดึงดูดสารอาหารทำให้พวกมันปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่ออยู่รอดได้ ดังนั้นแม้ว่าการสำรวจนี้จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม

พบดินแดนใหม่ ณ ปล่องไฟใต้ทะเลลึก พร้อมสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยรู้จักอีก 6 สายพันธุ์ Read More »

พบฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์ “มังกรบินแห่งทะเลทราย” ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงเมื่อ 160 ล้านปีก่อน

เมื่อปี 2009 เป็นครั้งแรกที่นักวิจัยค้นพบฟอสซิลของสัตว์เลื้อยคลานมีปีกดึกดำบรรพ์ (หรือที่เรียกกันว่า “เรซัวร์”) ในทะเลทรายอาตากามา ประเทศชิลี เป็นหนึ่งในสองสายพันธุ์ของสัตว์ดึกดำบรรพ์บินได้ ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงเมื่อ 160 ล้านปีก่อน มีฉายาว่า “มังกรบินแห่งทะเลทราย” ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า “เรซัวร์” คือชื่อเรียกของสัตว์ดึกดำบรรพ์บินได้ โดยจะมีหลัก ๆ แค่ 2 กลุ่ม คือ 1. Rhamphorhynchinae และ 2. Pterodactyloids ซึ่งสามารถพบเฉพาะในซีกโลกเหนือหรือที่เรียกว่ามหาทวีปลอเรเซีย ปล. อดีตมหาทวีปแพนเจียแตกออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. ลอเรเซีย (เหนือ) 2.กอนด์วานา (ใต้) โดยการค้นพบนี้เป็นครั้งแรกที่พบเรซัวร์ในซีกโลกใต้ คาดว่าเป็นสมาชิกของ Rhamphorhynchinae เพราะมีขนาดเล็ก โดยปีกกว้าง 2 เมตร มีหางยาวแหลม และจะงอยปากยืนยาว พร้อมฟันแหลมคม และแม้จะพ่นไฟไม่ได้แบบในซีรีส์ หรือในนิยายที่เราคุ้นเคย แต่ลักษณะทั้งหมดที่กล่าวมาก็เพียงพอให้เราเรียกมันว่า “มังกร” ได้ “โจนาธาน อัลรากอน”

พบฟอสซิลสัตว์ดึกดำบรรพ์ “มังกรบินแห่งทะเลทราย” ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงเมื่อ 160 ล้านปีก่อน Read More »

รู้จักกับ “Sea Cucumber” สัตว์หน้าประหลาด แต่มูลค่ามหาศาล-ฉายา “ทองคำแห่งท้องทะเล”

หลายคนอาจไม่รู้ว่า “Sea cucumber” หรือ “ปลิงทะเล” เป็นสัตว์ที่มีมูลค่ามหาศาล ที่ขายกันในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 3,500 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 130,000 บาทกันเลยทีเดียว ว่าแต่ทำไมมูลค่าของมันถึงแพงขนาดนั้น แล้วใครกันที่ยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อสัตว์ทะเลหน้าแปลกชนิดนี้ เดี๋ยว Flagfrog เล่าให้ฟังครับ ก่อนอื่นมารู้จักกับปลิงทะเลกันก่อน โดยพวกมันเป็นสัตว์ไม่มีกระดุกสันหลัง มีประมาณ 1,250 สายพันธุ์ทั่วโลก มีขนาดตั้งแต่ 2 เซนติเมตร ไปจนถึงยาวสุด 1.8 เมตรเลยทีเดียว กระจายตัวอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก ตั้งแต่น้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง ไปจนถึงร่องลึกสุดในมหาสมุทร โดยสายพันธุ์ที่แพง ๆ คือสายพันธุ์ที่อยู่ในน้ำลึก (ยิ่งหายากก็ยิ่งแพงนั่นเอง) ปลิงทะเลจัดว่าเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศอย่างมาก เพราะการขับถ่ายของมันจะขับไนโตรเจน แอมโมเนีย และแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างแนวปะการัง อีกทั้งของเสียที่พวกมันปล่อยออกมายังมีค่า pH สูง ซึ่งช่วยลดความเป็นกรดของน้ำทะเลที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์อีกด้วย เอาล่ะเกริ่นซะเยอะเลย มาเข้าเรื่องกันดีกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้สัตว์หน้าตาประหลาดนี้มีราคาสูงลิ่วเป็นเพราะ ความนิยมในฝั่งเอเชียตะวันออกที่เชื่อว่ามีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายและคุณค่าทางอาหารสูง ซึ่งในอดีตมักถูกเสิร์ฟให้กับชนชั้นสูงและคนร่ำรวยมาก ๆ เท่านั้น ดังนั้นปลิงทะเลจึงถูกมองว่าเป็นอาหารล้ำค่านั่นเอง โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 1980

รู้จักกับ “Sea Cucumber” สัตว์หน้าประหลาด แต่มูลค่ามหาศาล-ฉายา “ทองคำแห่งท้องทะเล” Read More »

จีนประสบความสำเร็จ โคลนนิ่ง “ลูกหมาป่าอาร์กติก” (สัตว์หายาก) ตัวแรกของโลก

จากความพยายามเกือบ 2 ปีเต็ม บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของจีน ประสบความสำเร็จในการโคลิ่นนิ่ง “ลูกหมาป่าอาร์กติก” (Arctic Wolf) ครั้งแรกและตัวแรกของโลก ถูกตั้งชื่อว่า “มายา” เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2022 “Sinogene Biotechnologies” เปิดเผยวิดีโอของเจ้ามายา ลูกหมาป่าอาร์กติกที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ โดยมายาเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ในกรุงปักกิ่ง จาก DNA ของ “มายา” (ตัวต้นแบบ) หมาป่าอาร์กติกที่เสียชีวิตในฮาร์บิน โพลาร์แลนด์ อุทยานสัตว์ป่าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน  โดยมายาตัวต้นแบบถูกย้ายมาจากแคนาดาเมื่อปี 2006 และเสียชีวิตเมื่อต้นปี 2021 ด้วยวัยชรา ซึ่ง “Mi Jidong” หัวหน้าทีมของ Sinogene ระบุว่า “พวกเราใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการพยายามโคลนนิ่งเจ้ามายาขึ้นมา พวกเราเลือกใช้วิธีการถ่ายโอนนิวเคลียสของเซลล์โซมาติก (SCNT) เป็นวิธีเดียวกันกับที่ใช้โคลนนิ่ง ‘แกะดอลลี่’ (สัตว์โคลนนิ่งตัวแรกของโลก)” จากข้อมูลของ Global Times เผยว่า “ทีมวิจัยสกัด

จีนประสบความสำเร็จ โคลนนิ่ง “ลูกหมาป่าอาร์กติก” (สัตว์หายาก) ตัวแรกของโลก Read More »

ภัยแล้งยุโรป-ทำให้ “สโตนเฮนจ์แห่งสเปน” กลุ่มหินลึกลับ (อายุ 7,000 ปี) ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ในช่วงฤดูร้อนยุโรปต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง ระดับน้ำลดลงจนแห้งเหือด ทว่าในความยากลำบากกลับเผยให้เห็นสิ่งที่น่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ นั่นคือ “Dolmen of Guadalperal” หรือฉายา “สโตนเฮนจ์แห่งสเปน” คาดว่ามีอายุเก่าแก่กว่า 7,000 ปี ปรากฏขึ้นมาให้เห็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ดาวเทียม Landsat 8 ของ NASA ถ่ายภาพทางอากาศบริเวณอ่างเก็บน้ำ Valdecanas เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เปรียบเทียบกับจุดเดียวกันเมื่อ 2013 จะเห็นได้ว่า จุดที่ Dolmen of Guadalperal ตั้งอยู่จะถูกน้ำจมมิด ไม่สามารถมองเห็นได้เลย (รูปที่ 3) “Dolmen of Guadalperal” ตั้งอยู่ในอ่างเก็บน้ำ Valdecanas ประเทศสเปน ซึ่งด้วยภาวะภัยแล้งทำให้น้ำในอ่างลดลงไปมากถึง 72% จึงเผยให้เห็นกลุ่มหินโบราณหรือสโตนเฮนจ์แห่งนี้ โดยถูกพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1926 โดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันชื่อ “Hugo Obermaier” ก่อนจะถูกน้ำท่วมในปี ค.ศ.1963 จากการสร้างอ่างเก็บน้ำ ซึ่งนับแต่นั้นมาก็แทบไม่เคยถูกพบอีกเลย จนกระทั่งในปัจจุบัน

ภัยแล้งยุโรป-ทำให้ “สโตนเฮนจ์แห่งสเปน” กลุ่มหินลึกลับ (อายุ 7,000 ปี) ปรากฏขึ้นอีกครั้ง Read More »

(ครั้งแรก) นักวิจัย “เปลี่ยนกรุ๊ปเลือด” อวัยวะบริจาคได้สำเร็จ-หวังช่วยชีวิตนับแสนในอนาคต

เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์สามารถเปลี่ยนกรุ๊ปเลือดของปอดจากกรุ๊ป A ไปเป็นกรุ๊ป O ได้สำเร็จ โดยหวังที่จะสร้างอวัยวะปลูกถ่ายแบบสากล ที่จะสามารถปลูกถ่ายอวัยวะให้กับผู้ป่วยได้ทุกรายโดยไม่ต้องคำนึงถึงกรุ๊ปเลือดเลย (โคตรเจ๋ง !) ตามรายงานของ Health Resource and Service Administration ระบุว่า ในแต่ละวันจะมีผู้เสียชีวิต 17 ราย จากการรออวัยวะปลูกถ่ายที่ตรงกับกรุ๊ปเลือดตัวเอง และหลายครั้งอวัยวะปลูกถ่ายที่มีอยู่ก็ต้องสูญเปล่าไป เพราะไม่มีผู้ป่วยรับที่กรุ๊ปเลือดตรงกัน จากข้อมูลของ Stanford Blood Center ระบุว่า ประชากรกว่า 42% ในอเมริกาเป็นคนกรุ๊ป A นั่นทำให้ผู้ป่วยกรุ๊ปเลือด O และ B ที่ต้องการรับอวัยวะปลูกถ่ายต้องรอนานกว่าปกติ เพราะไม่สามารถรับอวัยวะจากเลือดกรุ๊ป A ที่มีจำนวนมากที่สุดได้ (หรือหากฝืนรับมาร่างกายจะต่อต้านเพราะมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม) “ดร.มาเซโล ไซเพิล” ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายปอดที่ศูนย์ปลูกถ่าย Ajmera ในแคนาดา เผชิญปัญหาดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงได้ตั้งทีมวิจัยในการทดลองทำอวัยวะสากลที่สามารถปลูกถ่ายอวัยวะโดยไม่สนกรุ๊ปเลือดได้ ซึ่งก็คือการเปลี่ยนอวัยวะปลูกถ่ายให้เป็นกรุ๊ปเลือด O เนื่องจากสามารถเข้าได้กับทุกกรุ๊ปเลือด ไซเพิลได้ไอเดียนี้มาจากนักชีวเคมี “Stephen Withers” ที่ใช้เอนไซม์กำจัดแอนติเจนในเลือดทำให้เลือดเปลี่ยนจากกรุ๊ป A ไปเป็นกรุ๊ป

(ครั้งแรก) นักวิจัย “เปลี่ยนกรุ๊ปเลือด” อวัยวะบริจาคได้สำเร็จ-หวังช่วยชีวิตนับแสนในอนาคต Read More »

Scroll to Top